ลำดับเหตุการณ์คดี “บิลลี่ พอละจี” 5 ปีที่หายตัวไป กลายเป็นฆาตกรรม

ลำดับเหตุการณ์คดี “บิลลี่ พอละจี” 5 ปีที่หายตัวไป กลายเป็นฆาตกรรม

ลำดับเหตุการณ์คดี “บิลลี่ พอละจี” 5 ปีที่หายตัวไป กลายเป็นฆาตกรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดไทม์ไลน์คดี "บิลลี่ พอละจี" นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน หายตัวลึกลับ 5 ปี ก่อนพบโครงกระดูกในสภาพที่ถูกเผาอำพราง DSI ยืนยันเสียชีวิต

ภายหลังจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) แถลงความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำชาวบ้านกระเหรี่ยงที่เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ 5 ปี โดยยืนยันว่า นายพอละจีเสียชีวิตแล้ว จากการพิสูจน์โครงกระดูกที่พบใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน

บิลลี่ มีชื่อจริงว่า นายพอละจี รักจงเจริญ ชาติพันธุ์เชื้อสายกระเหรี่ยง เกิดและอาศัยอยู่ในพื้นที่บางกลอยบน ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นหลานชายของปู่คออี้ ผู้นำทางจิตวิญญาณของกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่ดังกล่าว โดยบิลลี่เป็นผู้มีความรู้เนื่องจากได้รับการศึกษา สื่อสารภาษาไทยได้ชัดเจน เป็นที่ไว้วางใจของชาวบ้านและคนในพื้นที่ให้เป็นแกนนำกลุ่มชาติพันธุ์กระเหรี่ยง และเป็นตัวแทนเพื่อต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชน

>> ภรรยาบิลลี่ พูดทั้งน้ำตา "ทำไมคนดีไม่มีที่ยืน" ฝากถึงคนฆ่าสามี ไม่สงสารกันเลยหรือ

บิลลี่ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ ตั้งแต่วันที่ 17 เมษายน 2557 จนล่าสุดเจ้าหน้าที่พบโครงกระดูกของเขาใกล้ถังน้ำมัน ในสภาพที่ถูกเผาอำพราง

17 เมษายน 2557 บิลลี่หายตัวไป
บิลลี่เดินทางออกจากหมู่บ้านโป่งลึก-บางกลอย เพื่อไปตัวอำเภอแก่งกระจาน โดนนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ควบคุมตัวในข้อหาครอบครองน้ำผึ้งป่า 3 ขวด ซึ่งนายชัยวัฒน์ระบุว่าเพียงแต่เรียกมาตักเตือน และปล่อยตัว

24 เมษายน 2557 ภรรยาบิลลี่ยื่นคำร้องต่อศาล จ.เพชรบุรี
นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ ได้ไปร้องต่อศาล จ.เพชรบุรี ข้อหาควบคุมตัวบิลลี่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเชื่อว่าบิลลี่ยังคงถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติควบคุมตัว

2 กันยายน 2557 ศาลยกคำร้องข้อหาควบคุมตัว
ศาล จ.เพชรบุรี มีหมายเรียก นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และนายเกษม ลือฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กจ.6 (เขามะเร็ว) ให้มาไต่สวนตามคำร้อง หลังจากสอบสวน รวมทั้งไต่สวนเพิ่มเติมจากพยานอื่น ศาลฎีกาพิพากษายกคำร้องของ น.ส.พิณนภา

6 สิงหาคม 2558 ภรรยาบิลลี่ยื่นหนังสือต่อ DSI ให้รับเรื่องบิลลี่เป็นคดีพิเศษ
หลังจากการหายตัวไปของบิลลี่ ทางครอบครัวพยายามเรียกร้องความยุติธรรม น.ส.พิณนภาได้เดินทางไปยื่นหนังสือต่อองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน รวมไปถึงการยื่นหนังสือต่อ DSI ให้รับเรื่องบิลลี่เป็นคดีพิเศษ

16 มกราคม 2560 DSI ไม่รับคดีบิลลี่เป็นคดีพิเศษ ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ
1.ยังหาข้อสรุปจากการสืบสวนไม่ได้
2.อาจสอบสวนได้ในกรณีพบร่างของบิลลี่เท่านั้น
3.น.ส.พิณนภาไม่มีสิทธิยื่นเรื่องร้องเรียน เนื่องจากไม่ได้จดทะเบียนสมรส

28 มิถุนายน 2561 DSI รับเป็นคดีพิเศษ
DSI ยอมรับเป็นคดีพิเศษในวันที่ 28 มิ.ย.61 ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของคดีนี้ และเริ่มสอบสวนหาหลักฐาน จนในช่วง เม.ย.-พ.ค.62 DSI ได้ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ใช้เครื่องยานยนต์สำรวจใต้น้ำ รวมถึงนักประดาน้ำตรวจหาพยานหลักฐานที่พื้นที่ใต้น้ำบริเวณสะพานแขวน เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี จนพบหลักฐานสำคัญคือถัง 200 ลิตรและซากกระดูกมนุษย์

3 กันยายน 2562 DSI ยืนยันบิลลี่เสียชีวิต
DSI แถลงผลการตรวจ หลังจากพบชิ้นส่วนกระดูก จำนวน 2 ชิ้น ถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร จำนวน 1 ถัง เหล็กเส้น จำนวน 2 เส้น ถ่านไม้ จำนวน 4 ชิ้น และเศษฝาถังน้ำมัน ระบุว่า เป็นชิ้นส่วนกะโหลกศีรษะข้างซ้ายของมนุษย์ มีรอยไหม้สีน้ำตาล ร่วมกับรอยแตกร้าว และการหดตัวของกระดูก จากการถูกความร้อนที่อุณหภูมิประมาณ 200 – 300 องศาเซลเซียส

ทั้งนี้ จากการตรวจพบสารพันธุกรรมตรงกับนางโพเราะจี รักจงเจริญ มารดาของนายพอละจี และเมื่อพิจารณาจากสถานที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานในสำนวนอื่นประกอบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงเชื่อว่า วัตถุดังกล่าวเป็นกระดูกของ “นายพอละจี รักจงเจริญ ที่เสียชีวิตแล้ว

ปริศนาตลอด 5 ปีที่ผ่านมาคลี่คลายด้วยบทสรุปคือ “บิลลี่” เสียชีวิตแล้ว ตอนนี้ยังคงเหลือคำถาม “ใครเป็นคนฆ่า?” และเกิดอะไรขึ้น

24billemissingkill-1

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook