ปล่อยตัว “สนธิ ลิ้มทองกุล” หลังเข้าเกณฑ์พระราชทานอภัยโทษ ราชทัณฑ์ยันไม่มีใบสั่ง-การเมือง

ปล่อยตัว “สนธิ ลิ้มทองกุล” หลังเข้าเกณฑ์พระราชทานอภัยโทษ ราชทัณฑ์ยันไม่มีใบสั่ง-การเมือง

ปล่อยตัว “สนธิ ลิ้มทองกุล” หลังเข้าเกณฑ์พระราชทานอภัยโทษ ราชทัณฑ์ยันไม่มีใบสั่ง-การเมือง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ทำการปล่อยตัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 72 ปี ผู้ต้องขังชั้นเยี่ยม ที่ต้องคดีความผิดเกี่ยวกับ กฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และอื่นๆ ซึ่งรับโทษมาแล้ว 3 ปี 1 เดือน ขณะที่นายสนธิ อยู่ภายในเรือนจำมีความประพฤติดี ช่วยเหลืองานของทางราชการหลายอย่าง และมีความก้าวหน้าในเรื่องการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ของกรมราชทัณฑ์ครบถ้วนเรียบร้อย ประกอบกับเป็นผู้ที่มีอายุเกินกว่า 70 ปี และมีโรครุมเร้าหลายอย่าง

ตามข้อเท็จจริงแล้วนายสนธิ น่าจะได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษเนื่องในวโรกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2562 เนื่องจากเป็นผู้ที่มีอายุเกิน 70 ปีบริบูรณ์ ซึ่งเข้าข่ายจะต้องได้รับการปล่อยตัวไปตามมาตรา 6 (2)(จ) แต่มีการตีความทางกฎหมายว่านายสนธิ กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ตามบัญชีแนบท้าย จึงเข้าข้อยกเว้นไม่ปล่อยตัว เพียงแค่ลดโทษลงแทน

แต่ต่อมามีนักโทษชายรายหนึ่ง ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการอภัยโทษ โต้แย้งว่าตนเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมิใช่สถาบันการเงิน ดังนั้นจึงไม่เข้าองค์ประกอบตามที่ระบุไว้ในบัญชีแนบท้าย ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้ยื่นเรื่องขอหารือการตีความข้อกฎหมายดังกล่าวต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และในวันที่ 3 กันยายน 2562 ได้มีการประชุมสามฝ่าย ประกอบด้วย รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา หัวหน้าผู้พิพากษาแผนกคดีค้ามนุษย์ หัวหน้าผู้พิพากษาแผนกคดียาเสพติด ผู้แทนอัยการสูงสุด และอธิบดีกรมราชทัณฑ์

ผลปรากฏว่ายืนยันการตีความทางกฎหมายเป็นคุณกับผู้ร้อง คำร้องของผู้ร้องฟังขึ้น ซึ่งเมื่อเทียบเคียงกับกรณีของนายสนธิ นับว่าเป็นข้อเท็จจริงในลักษณะเดียวกัน ดังนั้น นายสนธิจึงเข้าข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว ตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวข้างต้น

กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่าการปล่อยตัวในครั้งนี้เป็นเรื่องของความคลาดเคลื่อนในการตีความทางกฎหมายโดยแท้ ได้มีการหารือกับผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบ มิได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือมีใบสั่งจากผู้ใดรวมทั้งไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook