ป้าเล่านาทีหลานชายโหดเผาเมีย ช่วยหลานสะใภ้สุดชีวิต แต่ถูกสังคมรังเกียจไปด้วย

ป้าเล่านาทีหลานชายโหดเผาเมีย ช่วยหลานสะใภ้สุดชีวิต แต่ถูกสังคมรังเกียจไปด้วย

ป้าเล่านาทีหลานชายโหดเผาเมีย ช่วยหลานสะใภ้สุดชีวิต แต่ถูกสังคมรังเกียจไปด้วย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(4 ก.ย.62) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นางพเยาว์ อายุ 65 ปี ผู้เป็นป้าของนายสงกรานต์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุสะเทือนใจรุนแรงในสังคม หลังลงมือทุบตีทำร้ายร่างกายและจุดไฟเผา น.ส.อำภา อายุ 35 ปี ภรรยาที่เพิ่งคบหากันได้เพียง 1 เดือนเศษ เมื่อคืนวันที่ 18 ส.ค.62 ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้าแล้วนั้น

นางพเยาว์ ได้เล่าถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อครอบครัวจากเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ปกติตนเองอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้กันอย่างสงบสุขกับบุตรชายคนเล็กวัย 33 ปีแต่เพียงลำพัง 2 คน หลังจากบุตรชายคนโตได้เสียชีวิตไปเมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว และต่อมาอีก 8 เดือนหลังบุตรชายคนโตเสียชีวิตไป สามีก็ได้มาเสียชีวิตลงไปอีกคน ส่วนบุตรชายคนกลางได้แยกครอบครัวออกไปแล้ว จึงอยู่กันเพียง 2 คนกับบุตรชายคนเล็ก

ในวันเกิดเหตุ นายสงกรานต์ ซึ่งเป็นลูกของน้องชาย ได้พาหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายดังกล่าว เข้ามาเพื่อที่จะเข้ามาขอนอนพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเล็ก ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของย่าทวดของผู้ก่อเหตุ ซึ่งตนเองก็ไม่ได้อยากให้เขาเข้ามานอนมากนัก เพราะเวลาหลานชายคนนี้เข้ามาทีไร ก็จะนำเรื่องราวความเดือดร้อนมาให้แก่ครอบครัวทุกครั้ง โดยก่อนหน้านี้ก็ได้เคยเตะอดีตภรรยาเก่าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จนมีตำรวจมาตามจับกุมตัวได้ที่นี่ ถึงไม่มีใครอยากให้มา แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังจะเข้ามาที่นี่นานๆ ครั้ง

และในครั้งนี้ได้นำเรื่องราวความเดือดร้อนใหญ่โตจนตกเป็นข่าวดังมาให้แก่ตนอีก จนทำให้ตนเองนั้นไม่กล้าออกไปสู้หน้ากับผู้คนในสังคม แม้จะไปทำบุญที่วัดก็ยังไม่กล้าไป จนมีคนมาตามหาว่าทำไมไม่ไปทำบุญที่วัด พอไปหาหมอพบแพทย์ยังที่โรงพยาบาล เมื่อถึงคิวถูกเรียกขานชื่อ ก็ยังมีคนหันมามองกันทั้งโรงพยาบาล จึงทำให้ตนรู้สึกรับไม่ได้ ทำให้สภาพจิตใจไม่ดี จนขณะนี้กินนอนไม่หลับเพราะทุกข์ใจมาก

ทั้งที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ตนไม่ได้เป็นผู้ก่อ แต่เป็นเพราะหลานชายนำความทุกข์มาให้ โดยในวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 03.00 น. นายสงกรานต์ หรือไอ้หวาน ได้ขับรถจักรยานยนต์นำพาผู้หญิงเข้ามาที่บ้าน และได้พยายามจะพากันไปนอนยังที่บ้านหลังเล็ก แต่ได้มีการทะเลาะตบตีกันก่อนที่บริเวณหน้าบ้านหลังเล็ก ซึ่งอยู่ทางด้านหลังบ้านของตน ตนจึงได้ออกมาดูและห้ามปราม

นายสงกรานต์ ผู้ก่อเหตุ

แต่นายสงกรานต์ ไม่ฟัง ตนจึงได้โทรศัพท์ไปแจ้งต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเลขแจ้งเหตุ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำมาให้ไว้ ขณะที่มีการประชุมในหมู่บ้าน แต่โทรไปเท่าไหร่ก็ไม่มีคนรับสาย ตนจึงได้วิ่งออกไปตามหลาน ซึ่งเป็นญาติของฝ่ายทางสามี ปลูกบ้านอยู่ปากซอยทางเข้าบ้านตนประมาณ 100 เมตร ให้เข้ามาช่วยระงับเหตุ แต่ทางหลาน 2 คน แต่งตัวไม่เรียบร้อยเพราะสวมใส่ชุดนอนอยู่ จึงยังไม่ได้มาในทันที แต่ได้ช่วยกันโทรศัพท์ไปแจ้งต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ ก็ยังไม่มีคนรับสายอีกหลายครั้ง

ตนจึงแจ้งไปยังผู้ใหญ่บ้านให้ทราบเพื่อมาช่วยกันระงับเหตุ แต่เมื่อกลับมาถึงยังหน้าบ้านได้พบว่าหญิงสาวที่หลานชายพาเข้ามานั้น ถูกทำร้ายร่างกายทุบตีจนใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด มีแต่บาดแผลเต็มไปหมดแล้ว จึงได้รีบขับรถ จยย. ออกไปตามหลานๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะย้อนกลับมาถึงยังจุดเกิดเหตุ ในขณะที่กำลังจอดรถที่หน้าศาลพระภูมิหน้าบ้าน ก็ได้เห็นเปลวไฟลุกพรึบขึ้นเต็มตัวของหญิงสาวในทันทีต่อหน้าต่อตา ตนจึงร้องดุด่าต่อว่าหลานชายไปว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ ขณะที่ฝ่ายหญิงสาวได้วิ่งเข้าไปยังภายในตัวบ้านของตน

โดยที่มีบุตรชายคนเล็กของตนนั้น ได้ลงมาจากห้องนอนชั้นบน หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังลั่น ซึ่งครั้งแรกเขาเข้าใจว่าตนนั้นเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้เสียงดัง จึงจะลงมาปิด แต่ได้มาเห็นคนทะเลาะกันและเห็นว่าเป็นไอ้หวาน ที่กำลังทำร้ายร่างกายหญิงสาวอยู่ที่หน้าบ้าน จึงได้เข้าไปต่อว่า และเข้าไปช่วยจึงเกิดการต่อสู้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน แต่บุตรชายของตนนั้นสู้แรงไอ้หวานไม่ได้ เพราะเขาทำแต่งานในโรงงาน ไม่ได้มีเวลาออกกำลังกาย จึงได้กลับเข้าไปยังภายในครัว

เมื่อหญิงสาววิ่งเข้าไปร้องขอความช่วยเหลือถึงในครัว และได้โผเข้าไปกอดบุตรชายตน เพื่อขอความช่วยเหลือ บุตรชายตนจึงดึงหญิงสาวออกมายังที่ประตูหน้าบ้าน และฉีกเสื้อผ้าที่ไฟกำลังลุกไหม้อยู่ออกให้ และรีบหาสายยางฉีดน้ำมาช่วยดับ แต่โชคดีที่ไฟไม่ได้ไหม้บุตรชายของตนไปด้วย เพราะเขาถอดเสื้ออยู่ และเมื่อหญิงสาววิ่งเข้าไปกอดไฟที่กำลังไหม้อยู่ที่ด้านหน้าหญิงสาวจึงดับลงแต่ยังลุกไหม้อยู่ที่แผ่นหลัง โดยที่ตามผิวหนังของบุตรชายมีเพียงรอยถลอกเท่านั้น

จุดที่ช่วยหญิงสาวขณะถูกไฟไหม้

หลังจากบุตรชายตนช่วยดับไฟที่กำลังไหม้ร่างหญิงสาวจนดับหมดแล้ว จึงได้รีบนำสายยางไปดับไฟที่กำลังลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่หลังจากไอ้หวานก่อเหตุจุดไฟเผาหญิงสาวแล้ว ยังได้จุดไฟเผารถจักรยานยนต์ด้วย จากนั้นจึงมีผู้ใหญ่บ้านเดินทางมาถึง และยังได้โทรศัพท์ไปแจ้งเหตุต่อทางตำรวจอีกหลายครั้งแต่ก็ยังไม่มีคนรับสายอีกเหมือนเดิม ก่อนที่ผู้ใหญ่บ้านจะโทรศัพท์ไปตามหน่วยกู้ภัยฯ ให้เข้ามารับคนเจ็บนำไปส่งยัง รพ.แปลงยาว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนรู้สึกเจ็บใจมาก ที่โทรศัพท์แจ้งเหตุต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว กลับไม่มีคนรับสายเลย ทั้งที่มีการโทรศัพท์เข้าไปแจ้งเหตุอย่างต่อเนื่องหลายคน เป็นเวลานานนับชั่วโมง ทั้งตนเองที่ได้พยายามโทรไปจำนวนหลายครั้ง ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุเมื่อเวลา 03.00 น. ตลอดจนหลานๆ รวมถึงผู้ใหญ่บ้านก็ได้มีการพยายามช่วยกันโทรไปแจ้งตำรวจอีกหลายครั้ง จนถึงช่วงเวลา 03.40 น. แต่ก็ยังไม่มีคนรับสายเหมือนเดิม

ซึ่งถ้าหากโทรศัพท์ไปแล้วมีตำรวจรับสายในทันที เหตุการณ์ก็คงจะไม่ร้ายแรงหรือเกิดเหตุบานปลายจนถึงขนาดนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเวลาต่อเนื่องกันนานนับชั่วโมงจนถึงตีสี่เกือบตีห้า และระยะทางจากโรงพักแปลงยาวมาจนถึงบ้านตนนั้น เพียงไม่เกิน 10 กม. จึงน่าจะมาระงับเหตุได้ทัน ตนจึงอยากถามว่าทำไมตำรวจจึงไม่รับสายเวลามีคนโทรแจ้งเหตุ ทั้งที่ได้มีการนำหมายเลขโทรศัพท์แจ้งเหตุมาทิ้งไว้ให้แก่ชาวบ้านในขณะที่เข้ามาร่วมประชุมในหมู่บ้าน นางพเยาว์ กล่าว

และกล่าวว่า นอกจากผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากคนในสังคม ที่อาจมองเราในแง่ลบที่มีหลานเป็นผู้ลงมือก่อเหตุรุนแรงสะเทือนสังคมแล้ว ทางฝ่ายญาติของเราเอง ก็ยังมองเราว่าไม่ดีอีกด้วย โดยกล่าวหาว่าเราทำไม่ช่วยระงับยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย และทำไมจึงไม่ช่วยหลานจนทำให้หลานต้องกลับไปติดคุกอีก โดยหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นแล้ว ญาติๆ ก็ได้ห่างเหินกันไปอีกด้วย

               

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook