เปิดใจพยาบาลสาวลุยน้ำท่วมทำคลอดสาวท้องแก่ แถมต้องลุ้นพ่อเด็กถูกน้ำพัดหาย
พยาบาลสาวเล่านาทีลุยน้ำท่วมทำคลอดสาวท้องแก่ ทั้งที่ไม่เคยทำคลอดมาก่อน แถมยังห่วงสภาพจิตใจแม่เด็ก เพราะตอนนั้นผู้เป็นสามีถูกกระแสน้ำพัดหายไป
จากกรณีที่เฟซบุ๊ก ชมพูนุช วงษ์จันลา พยาบาลอยู่ที่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วม ได้โพสต์ภาพและคลิปเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้ไปช่วยหญิงปวดท้องคลอดลูก แต่ไม่สามารถพาไปโรงพยาบาลได้เนื่องจากน้ำท่วมหนัก พยาบาลสาวจึงตัดสินใจลุยน้ำเพื่อไปดูอาการของสาวท้องคนดังกล่าว จนกระทั่งคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
>> พยาบาลสาวเล่านาทีลุ้น สาวท้องแก่ติดน้ำท่วมไป รพ. ไม่ได้ ต้องทำคลอดกลางบ้าน
ล่าสุด (5 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว คือ นางสาวชมพูนุช วงษ์จันลา พยาบาลวิชาชีพดูแลประจำตึกผู้ป่วยหญิงโรงพยาบาลบ้านไผ่ จึงได้ประสานงานไปยัง นางประกายทิพย์ เหล่าประเสริฐ หัวหน้าพยาบาลโรงพยาบาลบ้านไผ่ และนางสุรัชชนา ประมินทร์ หัวหน้าตึกผู้ป่วยหญิงโรงพยาบาลบ้านไผ่ ได้เล่าถึงรายละเอียดของการทำคลอดคุณแม่ที่ไม่สามารถเดินทางมาคลอดที่โรงพยาบาลเนื่องจากน้ำท่วม
ชมพูนุช เล่าว่าเมื่อเวลา 06.00 น.วันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนเองและสามีพักอยู่ที่บ้านพักภายในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ (อนามัย) บ้านแคนใต้ ต.หนองน้ำใส โดยในขณะนั้นน้ำกำลังไหลเข้ามาท่วมภายใน รพ.สต.อยู่ในระดับ 1 เมตร มีคนมาที่อนามัยมาเรียกหมอว่ามีคนจะคลอดลูก แต่ที่อนามัยเจ้าหน้าที่ไม่อยู่ ก็คงเหลือแต่ตนเองและสามี
เมื่อทราบเช่นนั้นจึงได้เดินทางไปยังบ้านที่จะคลอดลูก โดยการปีนกำแพงรั้วอนามัยออกไปเพื่อตรวจอาการ ก่อนที่จะเดินทางกลับเข้ามาที่อนามัยอีกครั้งเพื่อเตรียมอุปกรณ์ในการทำคลอด
ตลอดทางที่เดินทางลุยน้ำกลับมาใจหนึ่งก็คิดได้ว่า เราไม่เคยทำคลอดเลย เคยแต่เรียนมา การทำคลอดจะต้องมีอุปกรณ์ชุดเซตคลอดเตรียมไว้ที่อนามัย เมื่อมาหาก็ไม่พบชุดเซตดังกล่าว มีแต่กรรไกร และเซตในการทำแผล
เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำอย่างไรดี นึกได้จึงโทรไปถามพี่สุรัชชนา ซึ่งเป็นหัวหน้าพยาบาลที่ตึกผู้ป่วยหญิง ซึ่งเป็นหัวหน้าสายงานโดยตรง ซึ่งพี่เขาก็ให้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นไปเยอะๆ โดยการบูรนาการอุปกรณ์ที่มีในอนามัยไปด้วย ซึ่งตนก็ได้เฉพาะอุปกรณ์ทำแผล และกรรไกร 2 อัน โชคดีที่ยังมีกรรไกรที่สามารถหนีบเส้นเลือดเพื่อห้ามเลือดด้วยอันหนึ่ง จึงได้เดินทางลุยน้ำไปพร้อมกับสามีซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพยาบาล
เมื่อถึงภายในตัวบ้าน ซึ่งเป็นบ้านปูน มีเพียงแม่และน้องสาวของคนไข้ที่รอการคลอดอยู่ในตัวบ้าน จึงได้ทำการดูว่าตัวเด็กอยู่ในลักษณะใด ด้วยการคลำดูที่ท้องและใช้หูฟัง ฟังการเต้นของหัวใจของเด็กที่อยู่ในครรภ์ ซึ่งในขณะนั้นน้ำคร่ำของผู้เป็นแม่ยังไม่เดิน สอบถามว่าท้องลูกคนที่เท่าไหร่ คนไข้ตอบว่าคนนี้คนที่ 3
พร้อมกับถามหาพ่อของเด็ก ทราบว่าพ่อได้ถูกกระแสน้ำพัดไป ยังหาตัวไม่เจอ ในขณะนั้นตนเองก็ยังห่วงสุขภาพจิตของผู้เป็นแม่ว่าจะมีความพร้อมในการคลอดหรือไม่
จำต้องใช้เวลารอประมาณชั่วโมงครึ่ง คนไข้ผู้เป็นแม่ของเด็กที่กำลังจะคลอดออกมาได้ทำการเบ่งพร้อมกับมีน้ำคร่ำออกมา เด็กจึงได้โผล่ศีรษะออกมาจึงช่วยนำตัวเด็กออกมาจากปากช่องคลอดด้วยการใช้ผ้า และสำลีรองไว้ ก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องของเด็กดังลั่น ท่ามกลางเสียงคอยเชียร์ของชาวบ้านมาคอยดูอยู่หน้าบ้านประมาณยี่สิบกว่าคน
หลังจากนั้นจึงได้ประสานไปยังหน่วยกู้ชีพให้มารับแม่และเด็กไปที่โรงพยาบาลบ้านไผ่ โดยการนั่งเรือท้องแบนออกจากบ้านที่น้ำท่วม โดยแม่และเด็กมีอาการปลอดภัย น้ำหนักชั่งได้ 3,000 กรัม โดยทราบชื่อแม่ภายหลังว่า นางธิญาดา อายุ 37
ส่วนลูกที่คลอดใหม่เป็นเพศหญิง คุณยายของเด็กตั้งชื่อให้ว่าน้องน้ำ ขณะเดียวกันก็ได้ทราบข่าวดีจากชาวบ้านว่าพ่อของเด็กพบแล้ว ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด ปลอดภัยดี ถือว่าเป็นข่าวดีในวันเดียวกัน