สาวใหญ่ชีวิตพัง ผ่าซีสต์ในรังไข่กับ รพ.เอกชน หมอพลาดตัดท่อไตขาดหาย 5 ซม.
(5 ก.ย.62) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานทนายคู่ใจ ถนนแจ้งวัฒนะ ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นางศรันย์ญาพร อายุ 48 ปี ชาว อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หอบเอกสารใบรับรองแพทย์ และผลการวินิจฉัยแพทย์กว่า 100 แผ่น เดินทางเข้าพบ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำเรื่องเข้าปรึกษาและร้องขอความเป็นธรรม กรณีที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ถนนแจ้งวัฒนะ ผ่าตัดผิดพลาด ตัดท่อไตข้างซ้ายขาดยาวกว่า 5 ซม. ทำให้ร่างกายผิดปกติและไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนปกติ จนปัจจุบัน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 พ.ย.61
จากการสอบถาม นางศรันย์ญาพร ผู้เสียหาย ทราบว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ย.61 ผู้เสียหายได้นัดผ่าตัดถุงน้ำในรังไข่ข้างซ้าย ที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ย่านถนนแจ้งวัฒนะ หลังผ่าตัดปิดช่องท้องเรียบร้อยได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 10 วัน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านเมื่อวันที่ 26 พ.ย.61 ระหว่างที่รักษาตัวที่บ้านมีอาการปวดท้อง ท้องเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นและแข็ง ผ่านไป 4 วันทนปวดไม่ไหว จึงเดินทางกลับไปที่โรงพยาบาลเดิม เป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน
เมื่อวันที่ 30 พ.ย.61 แพทย์ตรวจพบมีน้ำในช่องท้อง 2 จุด จากนั้นได้ทำการอัลตร้าซาวด์และฉีดสีเข้าไปเพื่อหาความผิดปกติ พบว่าท่อไตขาดหายไปประมาณ 5-6 ซม.จึงทำการรักษาเบื้องต้นโดยการต่อท่อระบายปัสสาวะออกมาที่ถุงด้านนอก เนื่องจากไม่สามารถต่อท่อไตได้ แพทย์ให้ผู้เสียหายกลับบ้านเพื่อรอการติดต่อจากโรงพยาบาลอื่นในการผ่าตัดซ่อมและต่อท่อไต เนื่องจากโรงพยาบาลดังกล่าวไม่มีเครื่องมือและแพทย์ที่เชี่ยวชาญ คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการประสาน
หลังจากกลับบ้านผู้เสียหายทนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงได้ประสานโรงพยาบาลรามาธิบดีเพื่อขอทำการรักษา โรงพยาบาลรามาธิบดีรับเคสรักษาเข้าทำการผ่าตัดเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.61 แพทย์ได้ทำการผ่าตัดนำผนังกระเพาะปัสสาวะไปซ่อมท่อไตบางส่วน ทำให้กระเพาะปัสสาวะมีขนาดเล็กลง และย้ายตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะให้ไปอยู่ใกล้ท่อไต จึงจะสามารถเชื่อมท่อไตกับกระเพาะปัสสาวะได้ หลังผ่าตัดออกจากโรงพยาบาลรามาธิบดีวันที่ 4 ม.ค.62 ทุกๆ 15 วันหรือ 1 เดือนต้องเดินทางเข้าตรวจร่างกายพบแพทย์ อาการข้างเคียงในปัจจุบันปวดปัสสาวะบ่อยไม่สามารถอั้นปัสสาวะได้ เนื่องจากกระเพาะปัสสาวะเล็กลง มีอาการปวดท้องทุกครั้งที่ปวดปัสสาวะ ไม่สามารถยกของหนักหรือทำงานปกติได้
ตลอดการรักษาตัวจนถึงปัจจุบัน 8 เดือน มีค่ารักษาและค่าเดินทางเกือบ 500,000 บาท โดยใช้สิทธิประกันชีวิตและสิทธิประกันสังคม โดยที่โรงพยาบาลและแพทย์ที่ผ่าตัดผิดพลาดไม่ได้ออกมารับผิดชอบใดๆ ผู้เสียหายจึงต้องการให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบโดยเรียกร้องให้เปลี่ยนสิทธิประกันสังคมไปที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ตลอดการรักษาหลังจากนี้ เรียกร้องค่าชดเชยจากความผิดพลาด ประมาทเลินเล่อทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพเป็นเงิน 3 ล้านบาท และเรียกร้องค่าเสียหายในการดำรงชีวิต และขาดรายได้เป็นเงิน 355,875 บาท
ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า หลังจากฟังเรื่องทราบว่าผู้เสียหายไปผ่าตัดซีสต์ในตอนแรก ผ่าตัดนิดเดียวแต่ปรากฏว่าไปตัดโดนท่อไต ซึ่งมีหน้าที่ระบายน้ำปัสสาวะออก หลังตัดท่อไตขาด ท่อไตมีการหดตัว ในช่วง 14 วันแรกหลังผ่าตัด หดยาวประมาณ 5 ซม. ทำให้น้ำปัสสาวะไหลออกอยู่ด้านในช่องท้อง เหตุการณ์แบบนี้โรงพยาบาลต้องรับผิดชอบ ผู้เสียหายมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้
ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่าการผ่าตัดเกิดจากการประมาทเลินเล่อของหมอ ทางโรงพยาบาลและหมอต้องรับผิดชอบ ตามประมวลกฏหมายแพ่งพาณิชย์มาตรา 420 หรืออาจเป็นเรื่องประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา
เบื้องต้นวันจันทร์ที่ 9 ก.ย.62 จะให้ผู้เสียหายเดินทางไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี เนื่องจากผู้เสียหายอยู่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ให้ศูนย์ดำรงธรรมตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และมีหนทางเยียวยาโดยไม่ต้องฟ้องศาลหรือไม่