"ค้าทาส" ประวัติศาสตร์โหดร้าย ที่สหรัฐสอนในหลักสูตรให้วิพากษ์ ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อ
การศึกษาประวัติศาสตร์อเมริกานั้นต้องมีการศึกษาหลักฐานข้อมูลทางประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นทั้งลายลักษณ์อักษร หลักฐานทางโบราณคดี คำบอกเล่าหรือตำนาน ซึ่งต้องผ่านการคัดกรองมาเสียก่อน ไม่ใช่รับเอามาทั้งดุ้น มิฉะนั้นจะความย้อนแย้งเกิดขึ้นเสมอ
ยกตัวอย่างเช่นเรื่องเสรีภาพ ที่ชาวอเมริกันเทิดทูนกันหนักหนากับการยอมรับสถาบันทาสให้อยู่ในรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของสหรัฐอเมริกาเลยทีเดียว แม้แต่อดีตผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย นายแพตริก เฮนรี ผู้มีชื่อเสียงจากการกล่าวคำที่ประกาศก้องจนเป็นสาเหตุของสงครามประกาศอิสรภาพอเมริกาที่ว่า "Give Me Liberty or Give Me Death – ไม่มีเสรีภาพ ก็ตายเสียดีกว่า" ก็เป็นเจ้าของทาสเหมือนกัน
การมีทาสในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นจากเศรษฐกิจแบบทุนนิยม กล่าวคือ การลงทุนทำการเกษตรเพื่อการค้าแสวงหาผลกำไรโดยใช้พื้นที่ดินขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้แรงงานราคาถูกจำนวนมาก เป็นสาเหตุของการค้าทาสที่นำเข้าจากทวีปแอฟริกาข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขายเป็นแรงงานแบบวัวควาย ไม่ใช่มนุษย์ ในไร่ยาสูบ นาข้าว และไร่อ้อย ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นไร่ฝ้ายขนาดใหญ่ในทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งต้องใช้แรงงานทาสแอฟริกันร่วมล้านคนเลยทีเดียว
ครับ! การมีทาสและการค้าทาสได้รับการรับรองจากรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกา ซึ่งประกาศใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2331 (สมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) หากท่านผู้อ่านไปหารัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมนะครับ เขาไม่ได้ลบออกไป ยังเหมือนเมื่อสองร้อยกว่าปีมาแล้ว เพียงแต่เขาไปแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตอนท้ายของรัฐธรรมนูญเท่านั้น
ดังนั้นเมื่ออ่านรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาต้องอ่านให้จบนะครับ รับรองว่าอ่านง่ายและสั้นกว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับ พ.ศ. 2560 สัก 10 เท่าได้ แม้จะเป็นภาษาอังกฤษก็ตามก็ยังง่ายกว่าอ่านรัฐธรรมนูญไทยเสียอีก ไม่เชื่อท่านผู้อ่านลองอ่านคำปรารภของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ดูเถิดครับ รับรองอ่านแล้วแปลไม่ออกยิ่งกว่าภาษาอังกฤษอีกครับ
ถึงไหนนะครับ, อ๋อ! หาคำว่า slave – ทาส ไม่เจอในรัฐธรรมนูญอเมริกันหรือครับ?
ต้องอ่านที่บทแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญบทที่ 13 ครับถึงจะเจอคำว่าทาสเป็นครั้งแรก เนื่องจากเดิม ก่อน พ.ศ. 2408 ในรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาอ้างถึงทาส (slave) ในนามของ "บุคคลที่ผูกพันที่จะต้องใช้แรงงานชดใช้ตามกำหนดเวลา – Those who bound to service for a term of years" ครับ! เป็นศัพท์ทางกฎหมายเอาไว้หลอกคนทั่วไปรวมทั้งตัวเองไปวันๆ นั่นเอง
ดังนั้นกว่าจะยกเลิกทาสได้ แม้คนอเมริกันส่วนใหญ่จะอ้างถึงอุดมการณ์ประชาธิปไตย ว่าคนทุกคนมีเสรีภาพและคนทุกคนเท่าเทียมกัน ก็ไม่เป็นผลจนกระทั่งต้องเกิดสงครามกลางเมือง รบกัน 4 ปีเต็ม เสียชีวิตผู้คนไปร่วมสามแสนหกมื่นกว่าคน จัดเป็นสงครามที่ทหารอเมริกันเสียชีวิตมากกว่าในทุกสงครามที่สหรัฐอเมริกาทำการรบมาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ถึงปัจจุบัน
บทเรียนสำคัญเรื่องความย้อนแย้งกับความจริงนั้น ในทางประวัติศาสตร์อเมริกาไม่ได้พยายามปกปิดหรือพยายามสอนอย่างผิดๆ ต่ออนุชนต่อ เพราะการเรียนรู้ความจริงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งในการศึกษาวิชาประวัติศาสตร์และวิชาประวัติศาสตร์ก็เป็นวิชาที่ต้องตรวจสอบเพื่อความจริง ไม่ใช่วิชาที่ใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อแบบผิดๆ อย่างที่หลายๆ ประเทศทำกันอยู่ในปัจจุบัน
ที่น่าชื่นชมที่สุดก็คือ เมื่อมีคนออกมาพูดหรือเขียนถึงความย้อนแย้งในเรื่องที่เป็นหัวใจของเสรีภาพของบุคคลของสหรัฐอเมริกาแล้วจะไม่โดยข้อกล่าวหาว่าชังชาติเลย