วันนี้ลุ้น! ศาลนัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ "บุญทรง" คดีทุจริตข้าวจีทูจี
วันนี้ (6 ก.ย.) เวลา 11.00 น.ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์คดีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ตกเป็นจำเลยคดีทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยนายนรินทร์ สมนึก ทนายความของนายบุญทรง เปิดเผยว่า ศาลจะเบิกตัวนายบุญทรงมาจากเรือนจำเพื่อร่วมฟังคำพิพากษาด้วย
โดยคดีดังกล่าวมี รัฐมนตรี กลุ่มข้าราชการ โรงสีข้าวเอกชน รวม 28 ราย ร่วมกันทุจริตโครงการระบายข้าวจีทูจี โดยเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 องค์คณะศาลฎีกาฯ ไต่สวนแล้วเห็นว่า ข้อตกลงตามสัญญาให้ขายข้าวแก่บริษัท กว่างตง จำกัด และบริษัท ไห่หนาน จำกัด ที่อ้างว่าเป็นผู้แทนจากประเทศจีน 4 ฉบับ มีข้อพิรุธหลายประการ โดยบริษัทเอกชนที่อ้างว่าเป็นผู้แทนจากจีนนั้น เป็นเพียงแต่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน มิใช่ผู้ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน พฤติการณ์จึงจงใจปล่อยปละละเลย ซ่อนเร้นอำพราง ปิดบังความจริงเกี่ยวกับสัญญาการซื้อขายข้าว เพื่อเอื้อประโยชน์เปิดช่องทางให้มีข้าวกลับมาหมุนเวียนขายในประเทศ ไม่ได้เป็นการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ
จึงพิพากษาให้จำคุก นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 1 รวม 2 กระทง จำคุกรวม 36 ปี ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา (ฮั้วประมูล) มาตรา 12 ซึ่งเป็นบทหนักสุด นายบุญทรง จำเลยที่ 2 ให้จำคุกรวม 3 กระทง 42 ปี ตามพ.ร.บ.ฮั้วประมูล มาตรา 12 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151
นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลย 4 เป็นเวลา 40 ปี, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 5 เป็นเวลา 32 ปี, นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีต ผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 24 ปี
นายอภิชาต หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวคนสำคัญ จำเลยที่ 14 จำคุก 48 ปี, นายนิมล หรือโจ รักดี คนสนิทเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 15 จำคุก 32 ปี ฐานร่วมกันสนับสนุนเจ้าหน้าที่กระทำผิดพ.ร.บ.ฮั้วประมูล ให้ปรับ บจก.สยามอินดิก้า จำเลยที่ 10 รวม 4 กระทงเป็นเงิน 1 ล้านบาท และให้ บจก.สยามอินดิก้า, เสี่ยเปี๋ยง และนายนิมล ร่วมกันชดใช้กระทรวงการคลัง 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่รับมอบข้าวตามสัญญาแต่ละฉบับ
ส่วนจำเลยที่ 7,8,9,11,12 ให้จำคุกคนละ 8-16 ปี ฐานสนับสนุนทำผิดพ.ร.บ.ฮั้วประมูล กับให้จำคุก จำเลยที่ 13,17,18 เป็นเวลา 4 ปี ฐานสนับสนุนทำผิดตาม ป.อาญา มาตรา 151 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1
สั่งปรับ บจก.กีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำเลยที่ 20 จำนวน 25,000 บาท และน.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร ลูกสาวเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 21 (ไม่มาศาลวันอ่านคำพิพากษา) จำนวน 40,000 บาท ฐานสนับสนุนทำผิดตาม ป.อาญา มาตรา 151 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ มาตรา 123/1 รวมทั้งให้ทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายด้วยจำนวน 1,294,109,764.80 บาท
โดยให้ยกฟ้อง นายสมยศ คุณจักร จำเลยที่ 19 สามีของญาตินายอภิชาต และกลุ่มโรงสีกับผู้บริหารโรงสี จำเลยที่ 22, 23, 24, 25, 26, 27, 28 เนื่องจากพยานหลักฐานที่ไต่สวนมาไม่เพียงพอให้รับฟังว่าจำเลยทั้ง 8 เกี่ยวข้องกับการกระทำ
สำหรับ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือหมอโด่ง อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และนายสุธี เชื่อมไธสง คนสนิทของนายอภิชาติ จำเลยที่ 16 หลังจากศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวไปเพราะจำเลยหนีคดี ต่อมามีพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิอม.) พ.ศ.2560 ออกมาบังคับใช้
โดยเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2562 องค์คณะศาลฎีกาฯ มีคำพิพากษาว่าทั้งสองได้ร่วมกระทำผิดด้วย ให้จำคุก พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ จำเลยที่ 3 รวม 4 กระทงเป็นเวลา 72 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้วให้จำคุกทั้งสิ้น 50 ปี และนายสุธี จำเลยที่ 16 จำคุก 4 กระทงเป็นเวลารวม 32 ปี และให้จำเลยที่ 16 ชดใช้ค่าเสียหายให้กับกระทรวงการคลัง 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันทำสัญญา