คาด "เชือกชักเย่อ" ทำพิษ เด็กนักเรียนติดเชื้อโนโรไวรัส กว่า 517 คน

คาด "เชือกชักเย่อ" ทำพิษ เด็กนักเรียนติดเชื้อโนโรไวรัส กว่า 517 คน

คาด "เชือกชักเย่อ" ทำพิษ เด็กนักเรียนติดเชื้อโนโรไวรัส กว่า 517 คน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผู้ปกครองสงสัยเกิดจากการเล่นชักเย่อ โดยเด็กๆ สัมผัสกับเชือกที่สะสมเชื้อไวรัสจนเกิดโรคระบาด ส่งผลให้ล้มป่วยติดเชื้อโนโรไวรัส ด้วยอาการอาเจียนและท้องเสีย กว่า 517 คน

จากกรณีที่เด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้น ป.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เกิดอาการอาเจียนและท้องเสีย จำนวน 517 ราย และพบว่าบางรายต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชน จากการตรวจโรคของโรงพยาบาลเอกชนพบว่า พบเชื้อโนโรไวรัสและยังพบเชื้อแบคทีเรีย และบางรายเป็นโรคลำไส้อักเสบ

ล่าสุด (7 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางปราณี ผู้อำนวยการโรงเรียน เปิดเผยว่า หลังจากที่เด็กนักเรียนมีอาการป่วยจำนวนหลายรายอย่างผิดสังเกต ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เรียกครูอาจารย์มาประชุมและประเมินสถานการณ์พร้อมที่จะรายงานให้ทางผู้ปกครองทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยทางแพทย์จากโรงพยาบาลเข้ามาตรวจสอบภายในโรงเรียนและนำข้อมูลเพื่อนำไปตรวจสอบทันที ซึ่งทางแพทย์ได้มาทำการเก็บตัวอย่างภายในโรคเรียนทั้งน้ำและอาหาร รวมไปถึงการตรวจร่างกายของแม่ครัว คาดว่าผลจะออกหลังจากนี้ 7 วัน

ส่วนเรื่องที่มีการสงสัยว่าน่าจะเกิดจากน้ำมาจากแท็งก์น้ำภายในโรงเรียน ตรงนี้ตนเพิ่งจะได้ทราบข่าวว่ามีการตั้งข้อสงสัย แต่จากการที่ทางแพทย์และโรงเรียนสงสัยในจุดของเรื่องน้ำดื่มที่ใส่ไว้ในคูลเลอร์น้ำที่ใส่ให้กับนักเรียนทานตามจุดต่างๆ เพราะทางโรงเรียนมีกีฬาสีภายในโรงเรียน ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 3-6 ก.ย.62

เราได้สงสัยในเรื่องของน้ำแข็งที่ใส่ในคูลเลอร์น้ำ วันรุ่งขึ้นเราก็ได้สั่งงดน้ำแข็งให้เด็กดื่มน้ำโดยใช้แก้วของตนเองที่ไม่ปนกัน เพราะวันแรกมีการเวียนกัน แต่แท็งก์น้ำเราได้มีการเปลี่ยนไส้กรองทุกสัปดาห์เพื่อความสะอาดของน้ำ

นางปราณี กล่าวอีกว่า แต่ประเด็นที่เราได้มีการพูดคุยถึงลำดับเหตุการณ์ ก่อนที่จะพบว่าเด็กมีอาการขึ้น เนื่องจากวันแรกเรามีการแข่งขันกีฬาชักเย่อ เพราะว่าเด็กสัมผัสมือกับเชือกโดยตรง เพราะน่าจะเป็นไปได้ เพราะเด็กที่มาแข่งขันจะสลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปแต่ละชั้นปี เมื่อแข่งขันเสร็จ เด็กๆ ก็จะไปรับประทานอาหารกลางวันทันที สังเกตดูแล้วบางคนไม่ได้ล้างมือ ตรงนี้ก็น่าจะเป็นไปได้เช่นกัน เพราะเชือกน่าจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรคได้เช่นกัน

จากการสอบถาม น้องบี (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้ป่วย เล่าว่า ก่อนหน้าที่ตนเองจะมีอาการ ได้ไปเล่นกีฬาชักเย่อ โดยมีเพื่อนในกลุ่มมาเล่นด้วยกัน 10 คน ก็ได้รับทั้งหมดเช่นกัน ส่วนเรื่องน้ำดื่มเพื่อนได้ไปซื้อน้ำขวดและส่งให้ตนเองดื่มกันตามปกติ แต่ก็ดื่มทั้งขวดโดยไม่ได้ใส่แก้วหรือหลอดดูด ส่วนน้ำในคูลเลอร์ตนเองไม่ได้ไปดื่ม

ด้าน น้องเสมา นักเรียนชั้นอนุบาล 2 หนึ่งในผู้ป่วย เล่าว่า วันที่เกิดอาการ ช่วงเช้าของวันจันทร์ ได้ไปเล่นกีฬาชักกะเย่อกับเพื่อน หลังจากเล่นเสร็จก็ไปทานข้าวกลางวันต่อ และมาเริ่มปวดท้องในช่วงเย็น

ขณะที่ นางนัฏฐภัทร ผู้ปกครองของน้องมีนา (นามสมมุติ) วัย 5 ขวบ เล่าให้ฟังว่า ลูกของตนเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 ในวันที่เกิดอาการเป็นวันที่มีการแข่งกีฬาสีของโรงเรียน หลังจากที่แข่งกีฬาชักเย่อเสร็จ น้องก็ไปทานข้าว หลังจากทานข้าวเสร็จลูกก็ไปห้องน้ำแปรงฟัน และเข้าไปนอนพักช่วงบ่าย ประมาณบ่าย 2 ตนเองก็เข้าไปช่วยคุณครูภายในห้อง

หลังจากนั้นลูกสาวตื่นนอนมาและมีอาการอาเจียนพุ่งออกมา และบ่นปวดหัว ตนเองก็บอกให้น้องนอนพักไปก่อนเพราะคิดว่าน่าจะเกิดจากอาการเพลีย จนใกล้เวลาตื่นของเด็กๆ ลูกสาวก็ได้อาเจียนออกมาอีก ตนจึงได้พาลูกสาวไปหาหมอทันที ซึ่งแพทย์ได้ทำการตรวจแต่โชคดีว่าลูกสาวไม่พบเชื้อโนโรไวรัส โดยตรง แต่เป็นโรคลำไส้อักเสบ ซึ่งแพทย์ให้เหตุผลว่าสภาพร่างกายของเด็กแต่ละคนจะสนองต่อเชื้อไวรัสไม่เหมือนกัน

หลังจากที่พาลูกสาวกลับบ้าน และได้แพร่เชื้อมาสู่ลูกชายคนเล็กอายุ 2 ขวบ ซึ่งแพทย์ได้แจ้งตั้งแต่ต้นแล้วว่าลูกสาวคนโตไม่น่ากังวล แต่จะเป็นห่วงคือลูกชายคนเล็กเพราะเชื้อไวรัสนี้แพร่กระจายไปสู่กันได้ หลังจากนั้นลูกชายคนเล็กเริ่มมีอาการจึงได้พาเข้ารักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลทันที

อย่างไรก็ตาม เด็กนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าวมี 3,100 คน พบป่วยเพียง 517 คน ซึ่งส่วนใหญ่เด็กที่เป็นจะมาจากการไปเล่นกีฬาชักเย่อทั้งสิ้น แต่ต้องรอผลตรวจจากแล็บ ซึ่งคาดว่าจะออกในวันพุธที่ 11 ก.ย. นี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook