ระฆังดังเพราะพระตี หนุ่มยัวะบุกชกหน้าหลวงพ่อ เพราะรำคาญเสียง

หนุ่มโมโหหลวงพี่ตีระฆังทำวัตรเย็น สาวหมัดชกหน้า 3 ครั้งซ้อน ทำพระทั้งวัดผวา ไม่กล้าตีระฆังอีกเลย สำนักงานพระพุทธโร่มาเคลียร์ เจ้าตัวได้สติสำนึกผิด-เข้าขอขมา

(9 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก พระอนุศักดิ์ ฐิตธัมโม พระลูกวัดแม่น้ำ ตำบลบางขันแตก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ระบุว่า ถูกชาวบ้านข้างวัดก่อเหตุทำร้าย ชกต่อยเข้าที่ใบหน้า เหตุเพราะเสียงตีระฆังช่วงทำวัตรเย็นรบกวน เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา

พระอนุศักดิ์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า อาตมาได้รับมอบหมายจากพระครูสมุห์คุณากร เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ ให้ขึ้นไปตีระฆังบนหอ ในช่วงเข้าพรรษา ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลา 6 ปีแล้ว และเมื่อถึงเวลา 17.00 น. อาตมาก็จะขึ้นไปตีระฆังบนหอระฆังเพื่อนิมนต์พระทุกรูปในวัดทำวัตรเย็น โดยต้องตี 3 ลา หรือ 3 รอบ

แต่ล่าสุดเมื่อตีระฆังได้สักพัก ปรากฏว่าได้ยินมีเสียงดังโวยวายดังมาจากด้านล่าง อาตมาก็นึกว่าพระล้อเล่น ก็ไม่ได้คิดอะไร เมื่อตีระฆังแล้วเสร็จ ก็เดินลงมาจากหอระฆัง ก่อนจะพบ นายพงพัฒน์ อายุ 29 ปี ชาวบ้านที่ใกล้วัด เดินตรงเข้ามาชกต่อยใบหน้าอาตมา 3 คัน ทำให้อาตมารู้สึกมึนและสายตาพร่ามัว

นอกจากนี้ นายพงพัฒน์ ยังข่มขู่ว่าด้วยว่ามีปืน อีก 3 วันมาเจอกัน สร้างความหวาดกลัวให้กับอาตมาและพระในวัดทุกรูป ทำให้ไม่มีใครมากล้าขึ้นไปตีระฆังตั้งแต่เกิดเหตุ จึงปรึกษากันภายในวัดและเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสงครามในวันเดียวกัน

ขณะที่ นายสมบัติ พิมพ์สอน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสมุทรสงครามได้ เดินทางเข้าพบพระครูสมุห์คุณากร เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยายามไกล่เกลี่ยให้วัดกับชาวบ้านอยู่ร่วมกันอย่างสันติโ ดยมีพระอนุศักดิ์และมารดาของนายพงพัฒน์ มาชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่ต่างฝ่ายยังมีอารมณ์ที่ครุกรุ่น

นายสมบัติ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของนายพงพัฒน์ ไม่เข้าใจในวัตรปฏิบัติของคณะสงฆ์จึงเกิดการทำร้ายพระขึ้น จึงได้เชิญผู้ปกครองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัตรปฏิบัติของพระในช่วงเข้าพรรษา ส่วนการทำร้ายร่างกายเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีต่อไป

นอกจากนี้ วัดแม่น้ำ ยังได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสมุทรสงครามเข้ามาตรวจสอบพื้นที่บริเวณรอบวัดที่มีชาวบ้านมาสร้างบ้านในเขตวัดอยู่อาศัย ซึ่งจะตรวจสอบทำให้ถูกต้องตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งตนมั่นใจว่าผู้ก่อเหตุคงเข้าใจและจะไม่ก่อเหตุซ้ำอีก และพระสงฆ์สามารถตีระฆังประกอบกิจของสงฆ์ได้ต่อไปตามปกติ

กระทั่งในเวลาต่อมา นายพงพัฒน์ ผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้าพบพระครูสมุห์คุณากร เจ้าอาวาสวัดแม่น้ำ และพระอนุศักดิ์คู่กรณี เพื่อกราบขมากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยอมรับว่าวันเกิดเหตุเข้าใจผิด คิดว่าพระอนุศักดิ์จะลงมาตำหนิที่ตนตะโกนต่อว่าเรื่องเสียงตีระฆัง ทำให้ตนโมโหชั่ววูบและขาดสติ อีกทั้งเห็นพระถือไม้ตีระฆังลงมาด้วย จึงคิดว่าจะมาทำร้าย จึงได้ชิงลงมือทำร้ายก่อน