"มอริส เค" เผยชีวิตรันทดถูกเตะตกบ้านชั้นสอง เคยคบแฟนนางแบบ 10 ปีแต่ใจชอบผู้ชาย
"มอริส เค" เผยชีวิตทรหด ถูกบูลลี่ ทำร้ายเตะตกจากชั้น 2 ในบ้านอุปถัมภ์ เอาขี้หมาใส่น้ำให้กินแก้แค้น คบแฟนนางแบบ 10 ปี ทั้งที่ชอบผู้ชาย
ร้อนแรงและแซ่บต่อเนื่อง สำหรับรายการ “เรื่องลับมาก (NO CENSOR)” ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (10 ก.ย.) พิธีกรสาวมากความสามารถ "ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" พาไปล้วงลึกชีวิต "มอริส เค" นักแสดงหนุ่มซึ่งผ่านอะไรมาเยอะ
กว่าเป็นผู้ชายมีรอยยิ้มสดใส วีรกรรมตอนเด็กแสบสุดๆ?
"แน่นอนที่สุด"
เคยเอาไม้เสียบลูกชิ้นไล่แทงเพื่อน?
"เสียบแก้มเพื่อนจริง แต่ผมไม่ได้เอาไม้ไล่แทง ณ ตอนนั้นตอนประถม เราโดนเพื่อนแซว เพื่อนเข้ามาจะต่อย แต่ขณะนั้นเรากำลังกินปลาหมึกย่าง เกิดการสู้กับเพื่อนขณะถือไม้ปลาหมึกย่างพอแยกกัน ไม้ปลาหมึกย่างก็ไปอยู่ที่แก้มเพื่อน หลังจากนั้นเราก็โดนเยอะมาก โดนทั้งครูตี ที่บ้านตี โดนประนามหยามเหยียดหนักมาก"
ครูที่โรงเรียนเรียกคุณไปพบและบูลลี่ครั้งสำคัญ พูดจาบางอย่างจนเป็นแผลในใจ?
"ใช่ ก็เกิดจากกรณีนี้แหละ และครูโกรธมาก ครูบอกว่าที่ผมเป็นแบบนี้เพราะเป็นพันธุกรรม อาจด้วยครูโกรธมาก เราเป็นคนมีเรื่องกับเพื่อนแทบทุกวัน เพื่อนชอบล้อ แกล้ง แหย่ เราก็ปกป้องตัวเองไม่อยากให้ใครมาว่าเรา"
เพื่อนใช้คำพูดอะไรล้อเลียน?
"โหย ไอ้ดำ ไอ้ลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ ที่เจ็บกว่านั้นคือแม่เป็นโสเภณี โอ้โห หรือแม้แต่ที่เราโดนเรียกบ่อยๆ คือข้าวนอกนา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราโกรธมาก โกรธเขาและโกรธพ่อแม่เราด้วย ทำไมทำให้เราต้องมาเจออะไรแบบนี้"
ผ่านมาได้ยังไง?
"เราต้องทำตัวไม่อ่อนแอ ตอนแรกเราพยายามหนีแต่ไม่รอด เราโดนตลอด ตอนหลังเราต้องทำตัวกร่าง ทำตัวใหญ่เพื่อปกป้องไม่ให้ใครมาล้อ ใครมาล้อเราต่อย ใครมาล้อเราก็ทำร้ายร่างกาย เพื่อไม่ให้เขามายุ่งกับเรา"
นอกจากผิวดำยังเป็นอันธพาล?
"โดนมองว่าเป็นแบบนั้นเลย"
แต่ก็เป็นปมในใจเรื่องผิว คุณเอาสก็อตไบรท์ขัดตัวให้ขาว?
"จริง เพราะเราโดนว่าเยอะมาก จนเรารู้สึกว่าเราก็ไม่อยากโดนล้อ ไม่อยากแตกต่าง ไม่อยากให้ใครล้อเรา วันนั้นสิ่งหนึ่งเรารู้ว่าสิ่งที่จะทำให้เราไม่แตกต่างคือเราต้องเหมือนเขา เรากลับบ้านเห็นสก็อตไบรท์ขัดหม้อขาว มันก็น่าจะขัดผิวเราให้ขาวได้ ขัดไปก็แสบมาก เลือดออกซิบๆ ตอนนั้นเป็นความรู้สึกไม่ไหวแล้ว"
คุณเอาขี้หมาผสมน้ำให้คนที่บ้านกินเพราะอะไร?
"เพราะที่บ้านชอบใช้ความรุนแรง ใช้งานเราเยอะ บางทีเราก็ขี้เกียจ เวลาเราโดนตีมากๆ ทำอะไรเขาไม่ได้ หน้าที่เราทำหน้าที่เก็บขี้หมา กรอกน้ำ กวาดบ้าน วันนั้นโดนตีมากๆ โดนทำร้ายมากๆ เราก็เก็บขี้หมาให้มือเลอะๆ แล้วเอามือนั้นไปกรอกน้ำแล้วใส่ให้เขากิน มันคงเป็นความแก้แค้นที่เราไม่รู้จะทำอะไรได้"
คุณเคยถูกเตะตกจากตึกสองชั้นแล้วโดนกระทืบซ้ำอีก?
"คนนี้เขาเลี้ยงนก แล้วนกพิราบของเขาต้องกินข้าวตรงเวลา วันนั้นเขาบอกให้ผมให้อาหารนกตอน 5 โมงเย็น น้องชายเขาใช้ให้ผมทำงานจนปลีกตัวไม่ได้ เลยเวลามายี่สิบนาที ไม่ได้ให้ข้าวนก พอเขารู้ ก็เรียกผมไปกรงนกชั้นสอง เขาก็โมโห ตบตีผมจากตรงนั้น จนผมตกมาชั้นนึงก็คิดว่าจบแล้ว แต่เขาก็รีบลงมากระทืบและเตะซ้ำอยู่ตรงนั้น"
ทำไมต้องอยู่ตรงนั้น?
"เพราะผมไม่รู้จะไปไหน ไปไหนไม่ได้ เขาคือครอบครัวที่เอาผมไปเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เขาเลี้ยงเด็กอยู่ในบ้านประมาณ 7 คนได้"
ต้องทนมากี่ปี?
"17 ปี กลืนไม่เข้า คายไม่ออกมากๆ ตอนนั้นทำได้อย่างเดียวคืออดทน"
หลุดออกมาได้ยังไง?
"พอเราอายุ 17 เราไม่ได้เรียนหนังสือ เรามีเวลาว่างมาก เขาให้เราอยู่ในบ้านอย่างเดียว แล้วเรารู้สึกเราอยากมีคุณค่ามากกว่านี้ ตลอดเวลาที่อยู่กับเขาถามว่าเขาเลี้ยงเราดีมั้ย โอเค เรามีที่นอน เรามีอาหารการกิน แต่ความสุขทางใจเราไม่มี แล้วต้องโตไปเรื่อยๆ โดยเราไม่ได้เรียนหนังสือ เราอยากมีชีวิตที่ดี นั่นคือสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไม่ไหวแล้ว เราต้องการเรียนหนังสือ ก็ขอเขาเรียน เขาก็ไล่เราออกจากบ้าน"
เขาเลี้ยงคุณเพื่อเป็นคนใช้?
"ใช่"
ทุกวันนี้เขาทำแบบนั้นมั้ย?
"ทุกวันนี้คงไม่ทำแล้ว เพราะเขาแก่มากแล้ว"
คุณมาประกวดโดมอนแมน แรงบันดาลใจหรือใครชวน?
"ไม่มีใครชวน ครั้งแรกที่มาประกวดเพราะมีเพื่อนผมคนหนึ่ง ทำงานด้วยกัน เป็นลูกครึ่งผิวขาว เขาหน้าตาดี วันหนึ่งที่เราทำร้านอยู่ด้วยกัน เจ้าของโดมอนชี้มาที่เราว่าไอ้นี่น่าจะประกวดนายแบบได้ดี ตอนั้นเรารู้สึกว่าไอ้นี่มาเปรี้ยวเรา เราก็จะเข้าไปหาเรื่องเขา แต่พอคุยกับเขาก็โอเค เข้าใจแล้ว แต่เราไม่ไปหรอก เราผิวดำ คิดว่าเขาคงไม่ยอมรับหรอก นายแบบผิวดำ ตอนนั้นยังไม่มี แล้วเพื่อนผิวขาว หน้าตาดีมาก เขาอยากประกวด ก็ชวนผมไปประกวด รุ่งขึ้นไปกรอกใบสมัครโดมอนเลย แล้วคนที่รับสมัครเขาบอกว่าเราไม่สมัครด้วยล่ะ ผมก็บอกว่าผมไม่มีตังค์ เขาบอกไม่เป็นไร เขาให้ฟรี เราก็กรอกเล่นๆ คิดว่าขำๆ ชีวิตพลิกตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา"
ได้ตำแหน่งอะไร?
"รองอันดับหนึ่งปี 1988 ชีวิตเปลี่ยนมาก ตอนนั้นงานทุกอย่างวิ่งเข้ามา โดยเฉพาะงานเดินแบบ เริ่มมีงานแสดง งานอะไรเข้ามา"
เข้าวงการ คุณเป็นพิธีกรชื่อดัง ทำหลายรายการประสบความสำเร็จ เป็นแดนเซอร์ชื่อดัง แต่เวลาไปตามงาน ก็ยังเจอเจ้าของงานบอกว่าอย่าไปใกล้มันเดี๋ยวสีดำติด?
"เป็นอะไรที่โหดมาก ตอนนั้นผมไปในฐานะแดนเซอร์ให้เจ เจเขาไปงานจ้างต่างหวัดและไปที่บ้านเจ้าของงาน ไปเอ็นเตอร์เทนเขา ลูกๆ ของเขาเห็นเราก็อยากถ่ายรูปกับเรา แต่คนเป็นเจ้าของงานบอกว่าเฮ้ย อย่าเข้าไปใกล้มัน มันดำ เดี๋ยวติด เขาอาจพูดเล่น คิดว่าตลก แต่มันไม่ตลก คนที่รู้สึกมากที่สุดคือเพื่อนเจ เขาออกอาการเลยนะ พูดแบบนั้นกับเราได้ยังไง ให้กำลังใจพวกเรา"
วงการเรียกคุณป้ามอ แต่ที่ช็อกคือเพิ่งรู้ว่าคุณเคยมีแฟนเป็นผู้หญิง?
"ใช่ครับ ตั้งแต่ผมเริ่มเข้าวงการ เรารู้จักกันตอนอายุ 24 ผมเข้าวงการแล้ว ตอนนั้นไม่ใช่ไม่รู้ตัว แต่รู้สึกดีจังที่มีคนสนใจเราและอยากคบเรา เรารู้สึกว่าผุ้ชายต้องมีแฟนเป็นผู้หญิง สังคมทำให้เราต้องคิดแบบนั้น เราก็คุยกัน ที่ชอบคือเขาลูกครึ่งเหมือนกัน เขาผิวสีเหมือนกัน เขาเป็นนางแบบที่อเมริกา ปีนึงหรือสองปีเขามาเมืองไทยที เราก็ติดต่อเรียนรู้กันไป 10 ปี 10 ปีทีรู้จักกันมา"
ความสัมพันธ์ไปขนาดไหน?
"เหมือนแฟนทั่วไป"
คุณก็ไม่ได้สไตล์สาวอย่างเดียว?
"ถูกครับ"
จุดเปลี่ยนไม่เอาผู้หญิง?
"เป็นเรื่องความรับผิดชอบ เรารักใครสักคนและไม่สามารถดูแเลเขาได้ อย่ารั้งเขาไว้ดีกว่ามั้ย เรารู้สึกว่าถ้าแต่งงาน เรายังไม่สามารถเลือกความชัดเจนทางเพศได้ รู้ใจตัวเองมาพอสมควร แต่ถามว่าทะเลาะตัวเองบ่อยมั้ย บ่อยมาก เพราะสังคม ศาสนาที่นับถือเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เราก็พยายามทำให้ถูกต้อง เรามีแฟนเป็นผู้หญิง เราอยู่กับเขาเรามีความสุข แต่ถ้าเราได้อยู่กับผู้ชายเราจะอบอุ่นมากขึ้น"
เขารู้มั้ยคุณเป็นป้ามอ?
"เขารู้ตั้งแต่คบแล้ว เราบอกว่าผมอยู่กับผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ได้ คุณโอเคเปล่า เขาก็โอเค วันหนึ่งเราไปอี๋อ๋อกับผู้ชาย นางเห็นก็หน้าเหวี่ยงมา และจะกลับเลย เขาบอกเขาทนไม่ได้ เราก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องเคลียร์ ถ้าผมต้องแต่งกับคุณ เพราะเรามีแพลนจะแต่งงานกัน ถ้ายอมรับความจริงไม่ได้ อย่าอยู่เลย ผมไม่สามารถดูแลคุณได้ ให้มีความสุขได้ตลอด"
ใครจะรับได้ที่สามีเป็นภรรยาคนอื่น?
"ถามว่าปัจจุบันนี้มีมั้ย (หัวเราะ)"
เราไม่เคยเห็นคุณคบผู้ชายเป็นตัวเป็นตนเพราะอะไร?
"เรารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง เรารู้สึกว่าเราเป็นคนหนึ่งที่ถูกจับตาของสังคม เราก็พยายามทำให้ทุกสังคมไม่เสียใจกับสิ่งที่เราทำ โดยเฉพาะในสังคมของศาสนา เราคิดว่ามันเป็นความผิดพลาด เป็นอุบัติเหตุทางอารมณ์ ทำให้เรารู้สึกขาดความอบอุ่นจากผู้ชายเพราะเราไม่มีครอบครัว จนทำให้เราไขว่คว้าตรงนั้นมั้ย แต่ถามว่าอยากเป็นคู่กับใครมั้ย ไม่มีความอยากเป็นคู่กับใคร"
เพราะคนเข้าหาไม่ได้แสดงความจริงใจ ต้องการเงินจากคุณหรือเปล่า?
"สิ่งหนึ่งเข้ามาเพราะเห็นเราเป็นบันได เป็นสายเปย์ ซึ่งเราเป็นเรียลเลิฟ(หัวเราะ) ต้องรักฉันในแบบที่ฉันเป็น ซึ่งคนเหล่านั้นมันไม่มี ก็เลยคิดว่าฉันไม่ต้องมีใครก็ได้ ผมรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องมีแฟน เพราะเป็นคนขี้รำคาญมาก ถ้านอนกับใครบนเตียงเดียวกัน ผมหลับไม่ได้ เพราะมันไม่สบายตัว ผมมีความสุขด้วยตัวเองจนไม่ต้องมีใครก็ได้"
คุณอยากเจอพ่อที่แท้จริง โหยหา?
"เราเกิดมา ก็อยากรู้ว่าต้นตอมาจากไหน ผมโหยหายมาสองอย่าง โหยหาแม่และโหยหาพ่อ เจอแม่ตอนอายุ 30"
ตอนมีคุณ แม่บอกพ่อเป็นคนไทยว่า?
"ผมเป็นลูกเชื้อสายใต้ แม่ผมมีสามีอยู่แล้ว แม่ผมไปป๊ะพ่อผม ออกมาเป็นผม ตอนออกมาสามีคนแรกที่เป็นคนไทยก็ยังอยู่ ผมก็แตกต่างจากคนอื่น ผมหัวดำ ผิวหยิก พ่อคนไทยก็ถามว่าทำไมคล้ำจัง แม่บอกก็มันเป็นลูกเชื้อสายทางใต้ไง ผมเข้าใจว่าแม่พูดปกป้องตัวเอง แล้วพ่อเป็นคนจันทบุรี (หัวเราะ) แม่ก็เอาตัวรอดไปได้ จนเมื่อเราไปอยู่ครอบครัวนั้น สามีคนแรกเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไป แม่ก็ต้องการมีสามีคนที่สอง เพราะตอนนั้นแม่มีลูกเยอะมาก เพราะลูก 5 คนแล้ว รวมผมเป็น 6 คน พอได้สามีคนนี้เราก็ต้องออกไป ออกหลายคนเหมือนกัน เราออกไปอยู่กับคนอื่นเลยโดยไม่ใช่ญาติ และแม่ไปมีสามี มีลูกอีกห้าหกคน แม่แซ่บมาก (หัวเราะ)"
คุณเริ่มต้นยังไง ทำไมตามหาพ่อ?
"แม่ไม่บอกว่าพ่อชื่ออะไร ไม่มีรูปพ่อ รู้แค่ว่าพ่อมาเจอแม่ที่ฉะเชิงเทราแค่นั้น พอเราเป็นนักแสดง เพื่อนๆ ก็บอกว่าจะช่วยหาพ่อ พ่ออยู่หน่วยไหน ข้อมูลไม่มีอะไรเลย"
คุณติดต่อไปทางธนาคารดีเอ็นเอที่อเมริกา?
"ถูกต้อง เพื่อนเป็นลูกครึ่งที่อเมริกา เขาก็ตามหาเพื่อเหมือนกัน เขาบอกว่ามีนวัตกรรมแบบนี้ แล้วง่ายมาก แค่มีหลอดแล้วคุณถุยน้้้ำลายลงไปส่งไปอเมริกา เขาก็จะบอกได้เลยว่าญาติโกโหติกาอยู่ที่ไหนบ้าง ผมทำเดือนกพ. มี.ค.ผมรู้ผลเลย"
พ่ออยู่เมืองไหน?
"อลาบามา คุณพ่อวางแผนว่า ก.ค. ปีหน้าเป็นเดือนเกิดของผม จะจัดแฟมิลีมีตติ้ง จะเชิญญาติพี่น้องมาให้รู้จักว่านี่คือลูกชายอีกคนของพ่อ แต่ผมอยากเจอคุณพ่อก่อน เพราะตัวคุณพ่อเองก็อายุมากแล้ว เราอยากอยู่กับท่านไพรเวต อยากกอด อยากคุย เวลาเจอพ่อ พ่อน่ารักมาก สนุกสนานมาก"
วินาทีแรกที่เห็นหน้ากันทางเฟสไทม์?
"เฮ้ย คนนี้เหรอพ่อเราจริงเหรอ สังเกตหน้าเขาตรงไหนคล้ายเราบ้าง เขาคล้ายเรามากน้อยแค่
ตอนเราแสดงตัวเป็นลูกคนหนึ่ง ลูกคุณพ่อที่อยู่ที่โน่นเขาว่ายังไง?
"ตอนแรกเขาช็อกก่อน ถามว่าแอนตี้มั้ย มีบ้าง ตอนที่เจอกัน พ่อก็ไม่ได้ตรวจดีเอ็นเอ ทุกคนอยากให้ตรวจดีเอ็นเอให้เคลียร์ พ่อบอกว่าไม่อยากตรวจ เพราะดีเอ็นเอฉันอยู่บนหน้ายูแล้ว มันชัดหน้ามาก แต่ราก็บอกว่าช่วยกรุณาตรวจเถอะเพื่อความสบายใจญาติๆ พอตรวจ รู้ว่าทุกอย่างโอเค พี่น้องคนอื่นก็ไม่สามารถอะไรได้แล้ว ต้องยอมรับ เพราะพ่อบอกว่ายอมรับในสิ่งที่ทำลงไป"
เขากลัวคุณไปแย่งมรดกมั้ย?
"คงไม่กลัวมั้งครับ เพราะพ่ออยู่ในฐานะข้าราชการบำนาญ สามารถอยูได้อย่างสบาย อีกอย่างพี่ๆ น้องๆ ที่เหลือเขาทำงานมีครอบครัวกันหมดแล้ว"
เพื่อนบางคนคุณไปตรวจดีเอ็นเอแบบคุณ แต่เขาไม่ยอมรับ?
"ใช่ เป็นเรื่องน่าเศร้า บางคนเขาไม่รับผิดชอบในสิ่งที่เคยทำ บางคนด้วยตำแหน่งหน้าที่ ฐานะทางสังคม มีชาติตระกูลทั้งหลายแหล่ มีหลายคนตรวจเจอพ่อแล้วพ่อไม่รับ แล้วเขาชีวิตแย่หนักกว่าเดิม เพราะเขารู้สึกเขาไม่มีตัวตนและเป็นคนไร้ค่า"
อยากฝากอะไรถึงคนที่ถูกบูลลี่เหยียดหยาม ใช้คำตลก แต่คนที่โดนไม่ตลก?
"อยากบอกทุกคน ไม่ว่าใครทำอะไรคุณ ไม่มีคุณค่า ไม่มีอิทธิพลไปมากกว่าสิ่งที่คุณจะทำกับตัวเอง ถ้าคุณไม่รู้จักให้กำลังใจตัวเอง ก็ไม่สามารถทำให้คุณมีชีวิตดีได้หรือก้าวผ่านได้ จงให้กำลังใจตัวเอง มากกว่าที่จะทำลายตัวเอง ชีวิตเป็นของคุณ คุณเลือกได้"
เสียใจมั้ย ตัวเองผิวดำ ผมหยิก?
"ไม่เสียใจเลย และภูมิใจมากๆ ด้วย"
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ