สื่อเกาหลีตีข่าว "ผีน้อย" ตายสังเวยบ่อแก๊สพิษ ลักลอบไปทำงาน 8 ปีไม่เคยกลับไทย
(12 ก.ย.62) นายไชยปราการ พึ่งไท จัดหางานจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า กรณีแรงงานไทยผิดกฎหมาย หรือที่เรียกกันว่า แรงงานผีน้อย ที่ลักลอบไปทำงานที่โรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ประมง ในเมืองยองด็อก จังหวัดคย็องซังเหนือ ทางตะวันออกของเกาหลีใต้ประเทศเกาหลีใต้แล้วเสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา เหตุสูดดมก๊าซพิษเข้าไปโดยไม่ได้ใส่หน้ากากป้องกันอันตราย จนเสียชีวิต
ตำรวจเปิดเผยว่าเหตุสลดเกิดขึ้นที่บ่อทิ้งของเสียจากการแปรรูปปลาและปลาหมึก ซึ่งมีขนาดลึกกว่า 3 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันเพราะมีกลิ่นเหม็นลอยตลบอบอวล โดยคนงาน 3 คนเสียชีวิตอยู่ในบ่อเพราะขาดอากาศหายใจจากการสูดดมแก๊สพิษ ส่วนคนงานอีกคนมีอาการสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ทางกระทรวงแรงงาน โดย หม่อมราชวงศ์ จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ออกมาแสดงความห่วงใยไปถึงแรงงานไทยทุกคน เพราะรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการเร่งแก้ไขปัญหาแรงงานไทยลักลอบไปทำงานในเกาหลีใต้อย่างเข้มงวดและจริงจัง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีแรงงานไทยทำงานอยู่เป็นจำนวนมากกว่า 1.4 แสนคน แต่ไปแบบถูกกฎหมายแค่ 2 หมื่นคนเท่านั้น ซึ่งหากแรงงานไทยจะไปทำงานในต่างประเทศ จะต้องไปทำงานแบบถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อจะได้รับการคุ้มครองเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกฎหมาย
ซึ่งหนึ่งในแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ คือ นายนิคม อายุ 42 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อวานนี้ทางจัดหางานจังหวัดนครราชสีมาได้เดินทางไปพบกับญาติของผู้เสียชีวิตรายนี้แล้ว เบื้องต้นจากการสอบถามบรรดาญาติของผู้เสียชีวิต ทราบว่า ทางการเกาหลีใต้ได้แจ้งให้ญาติแรงงานที่เสียชีวิตเดินทางไปร่วมงานฌาปนกิจศพที่ประเทศเกาหลีใต้ได้ และหลังจากนั้น จะต้องดำเนินการตามกฎหมายกับแรงงานไทยที่ลักลอบเข้าประเทศและลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย
ซึ่งแรงงานไทยที่เสียชีวิตรายนี้ ลักลอบไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้นานกว่า 8 ปีแล้ว และยังไม่เคยเดินทางกลับมาไทยเลย ส่วนภรรยาชาวไทยก็ลักลอบทำงานอยู่ที่เดียวกัน แต่เหตุผลยังไม่แน่ชัดว่า ลักลอบเดินทางเข้าไปในลักษณะไหน ซึ่งส่วนใหญ่ที่ตรวจพบจะเริ่มจากการชักชวนกันไปเนื่องจากเห็นบางรายสามารถลักลอบเข้าไปได้ ก็ตามๆ กันไป และบางรายเข้าสู่กระบวนการคัดกรองแรงงานไทยไปเกาหลีแล้ว แต่รอฟังผลไม่ไหว ตัดสินใจลักลอบเดินทางเข้าไปทำงาน จึงทำให้แรงงานไทยผิดกฎหมายเหล่านี้ไม่ได้รับความคุ้มครองตามสิทธิ์ที่พึงจะได้รับ
ซึ่งปกติกรมการจัดหางานจะมีกองทุนช่วยเหลือแรงงานไทยที่ไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกกฎหมาย แต่ในกรณีนี้ไปทำงานไม่ถูกต้อง จึงไม่ได้รับการช่วยเหลือจากกองทุนดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม หากทางการเกาหลีใต้ดำเนินการตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว และภรรยาของแรงงานไทยคนดังกล่าวต้องการกลับมาทำงานในประเทศไทย ทางจัดหางานจังหวัดนครราชสีมา พร้อมจะให้การช่วยเหลือด้วยการหางานทำที่เหมาะสมกับความสามารถให้ เพื่อเป็นการช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง