พ่อค้าน้ำปั่นคิดสั้น จุดเตารมควันตัวเองคาเก๋ง ในมือกำเสื้อลูกชายไว้แน่น
หนุ่มพ่อค้าขายน้ำปั่นเครียดปัญหาชีวิต จับรถจอดหน้าบ้าน กระดกยานอนหลับชุดใหญ่ ก่อนจุดเตานอนรมควันตัวเองเสียชีวิต สภาพกำเสื้อลูกชายเอาไว้แน่นมือ
(13 ก.ย.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.ต. (หญิง) กัลยาณี ท่าโพธิ์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนเสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์คันหนึ่ง ที่จอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ถนนวิสุทธิกษัตริย์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก หลังรับแจ้งจึงรุดตรวจสอบพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน
ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านยืนมุงดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก โดยพบรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์เงิน จอดติดเครื่องยนต์และเปิดแอร์ทิ้งไว้ ผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ในที่นั่งฝั่งคนขับ ลักษณะปรับเบาะเอนนอนไปด้านหลัง โดยที่เบาะที่นั่งข้างคนขับพบเตาอั้งโล่วางอยู่ โดยมีถ่านมอดดับเหลือเป็นขี้เถ้าแล้ว
ขณะที่ตัวรถถูกปิดล็อกสนิทจากด้านใน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงต้องใช้ขวานทุบกระจกออก เพื่อทำการช่วยเหลือชีวิต แต่จากการตรวจสอบทราบว่าผู้เสียชีวิตได้เสียชีวิตลงแล้วหลายชั่วคราว ทราบชื่อคือ นายฉัตรชัย อายุ 34 ปี สภาพศพสวมเสื้อแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ขาสั้น ตามเนื้อตัวไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยของการถูกทำร้ายแต่อย่างใด
ขณะที่เนื้อตัวเริ่มซีดแข็ง เบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังพบยานอนหลับจำนวนมากบรรจุอยู่ในซองพลาสติก และมีขวดน้ำดื่มที่ถูกเปิดไปแล้ว 4 ขวด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่กลุ่มเพื่อนของผู้เสียชีวิตที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาดูเหตุการณ์ ถึงกับร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นายฉัตรชัย เป็นพ่อค้าน้ำปั่นที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีปัญหาความเครียดจากเรื่องส่วนตัว หลังจากเลิกรากับภรรยาไป และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน ซึ่งตอนที่พบศพนั้นยังเห็นผู้เสียชีวิตกำเสื้อของลูกชายเอาไว้ในมืออย่างแน่น เป็นภาพที่สลดหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
เบื้องต้นคาดว่าขณะเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ขับรถมาจอดหน้าบ้าน ก่อนจะกินยานอนหลับและจุดถ่านในเตาอั้งโล่รมควันตัวจนขาดใจตายในที่สุด ส่วนสาเหตุประเด็นอื่นๆ ต้องรอสอบปากคำญาติเพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันนำร่างส่งผ่าชันสูตรพลิกศพที่แผนกนิติเวชโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ก่อนมอบให้ญาติรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป