อภิสิทธิ์ ไล่ส่งใครไม่พอใจออกได้เลย

อภิสิทธิ์ ไล่ส่งใครไม่พอใจออกได้เลย

อภิสิทธิ์ ไล่ส่งใครไม่พอใจออกได้เลย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯ ลั่นปปช.ไม่ทิ้งพื้นที่อีสาน พร้อมส่งส.ส.ลงแข่งขันทุกพื้นที่ ออกอาการฉุนข่าวทีมที่ปรึกษารมว.มหาดไทย ประกาศไล่ส่ง ใครไม่พอใจและไม่พร้อมทำงาน อย่าทนให้ออกไปได้เลย

(3ก.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีที่นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ คัดค้านการลงพื้นที่จ.บุรีรัมย์ของนายกรัฐมนตรี ว่า ยังไม่เข้าใจเหตุผลเท่าไหร่ คิดว่านายสุทัศน์น่าเข้าใจเรื่องนี้ เพราะการลงพื้นที่ของรัฐบาลเป็นคนละส่วนกับพรรค ซึ่งตนยืนยันมาตลอดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังทำพื้นที่ในภาคอีสาน ไม่ได้ให้พรรคการเมืองอื่นมาทำแทน

"ในสมัยหนึ่งเคยมีการสร้างกระแสไม่ให้สวมเสื้อพรรคลงพื้นที่ภาคอีสาน ผมเป็นคนสวมเสื้อพรรคไม่ถอดเสื้อพรรคออก ท่านสุทัศน์ก็จำได้ ตรงนี้ไม่มีเรื่องพรรค เพราะพรรคเตรียมการแข่งขันในพื้นที่อยู่แล้ว แต่เรื่องรัฐบาลผมปรารภกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าในเมื่อมีการวิจารณ์กันอยู่ เรื่อยๆ ว่าจะมีการประสานงานกันได้หรือไม่อย่างไร ผมก็ปรารภกับรัฐมนตรีพรรคร่วมว่าให้ลงพื้นที่ด้วยกัน ขอให้พรรคต่างๆ เสนอมาในการลงพื้นที่ โดยให้รัฐมนตรีโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคมไปดู ท่านจึงเสนอมา ผมยืนยันว่าพรรคไม่เคยคิดมอบให้พรรคอื่นมาดูพื้นที่ภาคอีสาน ถ้าทำอย่างนี้ผมก็รับไม่ได้ ไม่มีใครเคยพูดอย่างนั้น เพียงแต่ส.ส.อีสานถูกตั้งคำถามว่าจะมีการมอบพรรคการเมืองอื่นมาดูพื้นที่ภาค อีสาน เขาต้องบอกว่ารับไม่ได้ ซึ่งผมยืนยันว่าพรรคเดินหน้าในพื้นที่อีสานด้วยการส่งผู้สมัครลงแข่งขันส.ส. อีสาน ซึ่งในพรรคเข้าใจดี ผมย้ำอีกครั้งว่า นายสุทัศน์ก็ทราบเรื่องนี้ดี เพราะเคยมีคนเสนอให้พรรคมหาชนทำพื้นที่ภาคอีสาน ผมเป็นกรรมการบริหารพรรคที่ค้าน เพราะฉะนั้นท่านสุทัศน์ทราบดีว่าผมคิดอย่างไร จึงไม่คิดว่าจะมีช่องว่างในการบริหารงานภายในของพรรค " นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่านายสุทัศน์กังวลว่าการลงพื้นที่จ.บุรีรัมย์เหมือนต้องพึ่ง บารมีนายเนวิน ชิดชอบ เเกนนำพรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้พึ่งบารมีใคร เพียงแต่ลงพื้นที่กับพรรคร่วมรัฐบาล ขอให้รัฐมนตรีช่วยจัดโปรแกรมมา ตนยังไม่เห็นรายละเอียด ตอนนี้ก็มีการเสนอให้ลงพื้นที่วันที่ 11 ก.ค. และจากนี้จะลงพื้นที่จังหวัดอื่นต่อไปด้วย โดยการลงพื้นที่จ.บุรีรัมย์จะได้ไปตรวจความคืบหน้าในโครงการไทยเข้มแข็ง ทั้งเรื่องการสร้างถนน และแหล่งน้ำ ซึ่งขณะนี้กำหนดการยังเป็นวันเดียว ไม่ได้ค้างคืน เพราะโดยส่วนตัวคิดว่า การค้างคืนบางครั้งก็ไม่ได้มีผลอะไร ซึ่งตนคิดว่าการทำงานเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ไม่ควรไปติดกับเรื่องภาพ ตนติดอยู่กับว่าให้ผลงานเดิน ติดตามงานให้สำเร็จมากกว่า เพราะฉะนั้นนี่คือเป้าหมายหลัก

สำหรับการทำพื้นที่ภาคอีสานนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังมีโอกาสที่จะเพิ่มได้ บนความเป็นจริงคะแนนที่ได้มาได้ 5 เปอร์เซ็นต์ ขณะนี้เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ก็ยังยากที่จะชนะเขต มีบางพื้นที่ที่ดีกว่านั้น เรื่องกิจกรรมก็ทำกันไป ถือว่าพื้นที่ไหนที่มีส.ส.น้อยก็เป็นข้อจำกัดอย่างหนึ่ง

นายกฯกล่าวต่อว่า ตอนนี้พูดกันไปเรื่อย พยายามสร้างภาพเช่นว่าภาคเหนือจะไม่ต้อนรับตน ทำไมไม่คิดว่าตอนเลือกตั้งซ่อมพรรคประชาธิปัตย์ก็ชนะที่จ.ลำพูน ต้องเข้าใจอย่าไปหลงตามคำโฆษณาชวนเชื่อ

เมื่อถามว่า เสื้อแดงถือเป็นอุปสรรครัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่าเป็นเรื่องอุปสรรคหรือไม่ใช่อุปสรรค แต่ยืนยันจุดยืนว่าการที่กลุ่มคนจะมาขัดขวางไม่ให้รัฐบาล หรือพรรคการเมืองเข้าไปทำกิจกรรมในพื้นที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยเลย ถ้าเป็นประชาธิปไตยก็ต้องแข่งขันกันไป ไม่ทราบว่ากลัวอะไร

ส่วนการที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคได้พูดคุยเรื่องการเตรียมการส่งผู้สมัครส.ส.ลงพื้นที่นั้น นายกฯกล่าวว่า "นี่ล่ะพอเตรียมการก็มาบอกว่าจะเลือกตั้ง พอไม่เตรียมก็ถูกหาว่าจะยกพื้นที่ให้คนอื่น ผมต้องบอกว่าเราทำงานตามปกติ เราต้องเตรียมการ บทเรียนมีตั้งแต่สมัยเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่คนในพื้นที่ที่ปักหลักทำงานอย่างต่อเนื่อง ต้องสรรหาผู้นสมัครแต่เนิ่นๆ ก็แปลว่าเราไม่ได้ยกพื้นที่ให้กับพรรคการเมืองอื่นๆ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยกพื้นที่ให้พรรคการเมืองอื่นไม่ว่าจะเป็นภาคไหนแน่นอน"

เมื่อถามต่อว่า การเตรียมการเลือกตั้งไม่ได้หมายความว่าเป็นการนับถอยหลังอายุรัฐบาลใช่หรือ ไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่ใช่เพราะถ้านับถอยหลังอายุรัฐบาลต้องเตรียมเลือกตั้งทั้งหมด ตนได้ย้ำตั้งแต่ก่อนเป็นรัฐบาลว่าขอให้นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานคณะกรรมการสรร หาผู้สมัครส.ส.ของพรรค เป็นผู้พิจารณา โดยจุดขายในพื้นที่ภาคอีสานคือผลงานของรัฐบาลซึ่งต้องใช้เวลา โดยเฉพาะโครงการไทยเข้มแข็งจะส่งผลอย่างมากในพื้นที่อีสาน เช่นแหล่งน้ำ เป็นเรื่องสำคัญ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯเพิ่งยืนยันว่าการทำงานในพรรคร่วมรัฐบาลจะมีความเป็นเอกภาพ แต่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานรมว.มหาดไทยออกมาระบุว่า จะทนอยู่กับรัฐบาลแค่รอให้งบประมาณรายจ่ายปี 2553 ผ่าน และมีการใช้เงินกู้ 8 แสนล้านบาทเท่านั้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "ที่จริงถ้าเขาทนไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ ไม่บังคับ ถ้าทนไม่ได้ก็ไม่บังคับให้อยู่ ความจริงควรจะคุยกับผู้ที่รับผิดชอบโดยตรงที่เป็นผู้บังคับบัญชาของเขาว่า งานที่เราทำอยู่ขณะนี้มีเหตุผลในการทำงานอย่างไร ทุกคนจะเอาตามใจชอบไม่ได้หรอก ในการทำงาน ตัวผมเองก็นึกเอาตามใจชอบไม่ได้ ต้องดูภาพรวมและข้อจำกัดในเรื่องต่างๆ ว่าในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้เป็นอย่างไร ผมไม่บัง คับให้ใครทนหรอกครับ ถ้าไม่อยากทนอยู่ก็ไม่ต้องอยู่ คนเราไม่ควรต้องทนทำงาน แต่ควรทำงานด้วยความสมัครใจ คนเราจะทำงานร่วมกับใครก็ต้องทำด้วยความสมัครใจ อยู่กันด้วยเหตุผล ผมไม่บังคับให้ใครมาอยู่กับผม ถ้าไม่เดินตามแนวทางที่ถูกต้อง ผมไม่บังคับให้มาอยู่"

เมื่อถามว่าเเสดงว่ากำลังเบื่อกับความเคลื่อนไหวของคนในพรรคร่วมรัฐบาล ที่สร้างแรงกระเพื่อมตลอดเวลาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่หรอก ตนทำงานอย่างเดียวถ้าใครไม่สมัครใจก็ไม่บังคับ ไม่มีปัญหา ส่วนจะต้องคุยกับนายเนวินอีกครั้งหรือไม่นั้น เห็นว่าไม่จำเป็น เพราะถ้าเป็นเรื่องของที่ปรึกษา หรือคณะทำงานของรัฐมนตรีก็จะคุยกับรัฐมนตรีว่าถ้าใครไม่สมัครใจทำงานก็ไม่ ต้องให้ทำงาน ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะเสนอให้ปรับนายศักดิ์สยามออกจากตำแหน่งหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ถ้าเจ้าตัวไม่อยากทำงานก็ไม่ควรทำ

ส่วนกรณีที่นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ออกมาระบุว่า จะไม่ยอมให้มีการล้มเลิกโครงการรถเมล์เอ็นจีวีสี่พันคัน เพราะจะทำให้เสียหน้านั้น นายกฯกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เท่าที่คุยตรงกันคือไม่ควรปล่อยให้ขสมก.มีสภาพอย่างนี้ โดยข้อยุติจะอยู่ที่ข้อเท็จจริง ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะส่งข้อมูลให้คณะกรรมการสภาพัฒน์จากนั้นจึงเสนอกลับมาให้ครม.พิจารณา ตนได้ลงนามเห็นชอบการตั้งคณะกรรมการสภาพัฒน์ชุดใหม่ไปแล้วจะเข้าครม.ในสัปดาห์หน้า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ทำให้การพิจารณาโครงการนี้สะดุดทำงานต่อไปได้ เพราะคุยกันมาก่อนหน้านี้แล้ว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook