ระดมเครื่องผลักดันน้ำ 100 ตัว ระบายน้ำท่วมอุบล ขีดเส้นสิ้นเดือนต้องแห้ง
รมว.เกษตรฯ เร่งให้กรมชลผลักดันน้ำ "ชี-มูล" ลงแม่น้ำโขงโดยเร็ว ตั้งเป้าสิ้นเดือนนี้ต้องคลี่คลาย กรมชลฯ ตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 100 ตัวทำงาน 24 ชั่วโมง ชี้รุนแรงสุดในรอบ 20 ปี
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าขณะนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือน้ำยังท่วมหนัก ตนเองจึงได้สั่งการให้อธิบดีกรมชลประทานไปบัญชาการศูนย์บริหารจัดการอุทกภัยลุ่มน้ำชี-มูล (ส่วนหน้า) ที่จังหวัดอุบลราชธานีด้วยตนเอง โดยทำทุกมาตรการเพื่อจัดการการไหลของน้ำ เพื่อให้น้ำจากแม่น้ำชีและแม่น้ำมูลตอนบนไม่ไหลมาบรรจบกันที่แม่น้ำมูล จังหวัดอุบลราชธานีพร้อมกัน และพยายามผลักดันน้ำจากแม่น้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด ในจังหวะที่ระดับในแม่น้ำโขงต่ำกว่าชี-มูล โดยต้องคลี่คลายภาวะอุทกภัยให้ได้ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้
นายเฉลิมชัย เปิดเผยต่อว่าตนเองได้กำชับให้ใช้ศูนย์ฯ ส่วนหน้าเป็นศูนย์กลางให้เจ้าหน้าที่ของกรมต่าง ๆ บูรณาการเป็นคณะทำงานช่วยเหลือเกษตรกรให้กลับมาดำรงชีวิตตามปกติ รวมถึงการซ่อมแซมรถไถ รถแทรกเตอร์ รถอีแต๋น และเครื่องจักรกลทางการเกษตรต่าง ๆ ตลอดจนเข้าสำรวจความเสียหายของพื้นที่เกษตรทันทีที่น้ำลดเพื่อเร่งจ่ายค่าชดเชยและสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ ให้ผู้ประสบภัยกลับมาประกอบอาชีพเกษตรได้เร็วที่สุด
ทางด้าน นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้ติดตามการทำงานของเครื่องผลักดันน้ำพบว่า สามารถเพิ่มอัตราการไหลได้ร้อยละ 30 บริเวณแก่งสะพือ อำเภอพิบูลมังสาหารเดินเครื่องแล้ว 60 เครื่อง ส่วนอำเภอโขงเจียมแม่น้ำมูลจะไหลลงสู่แม่น้ำโขงตามแผนนั้นจะติดตั้ง 100 เครื่อง เดินเครื่องแล้ว 60 เครื่อง อีก 40 เครื่องกำลังเร่งติดตั้ง
ขณะนี้ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำโขงได้วันละ 500 ล้าน ลบ.ม. แต่จากการขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจด้านท้ายน้ำมูลอำเภอโขงเจียมพบว่าในลำน้ำยังมีพื้นที่ให้ติดตั้งเพิ่มได้ อีกทั้งระดับแม่น้ำโขงต่ำกว่าหน้าเขื่อนปากมูลถึง 2.07 เมตรลดลงจากเมื่อวานนี้ ซึ่งอยู่ที่ 1.88 เมตร จึงสามารถเพิ่มอัตราการระบายน้ำได้ ทั้งนี้ หากเดินเครื่องผลักดันน้ำได้ 260 เครื่องตามแผนจะผลักดันน้ำออกไปได้มาก
“กรมชลประทานได้ผลักดันน้ำจากแม่น้ำมูลลงสู่แม่น้ำโขงตั้งแต่ก่อนน้ำท่วม เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำปริมาตรมากที่จะไหลมา ขณะนี้กำลังช่วงชิงจังหวะระดับแม่น้ำโขงต่ำกว่าแม่น้ำมูลผลักดันน้ำออกให้มากที่สุด ในอีก 4-5 วันหลายชุมชนในลุ่มน้ำชี-มูลน้ำจะแห้ง ประชาชนจะเริ่มกลับไปพักอาศัยที่บ้านเรือนของตนเองได้ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำงานสับเวรกันตลอด ชั่วโมง คาดว่าปัญหาอุทกภัยจะคลี่คลายก่อนสิ้นเดือนที่ตั้งเป้าไว้” นายทองเปลว กล่าว
วันนี้ (15 ก.ย.) ปริมาตรน้ำแม่น้ำมูลที่ไหลผ่านสถานีวัดน้ำ M7 สะพานเสรีประชาธิปไตย อำเภอเมืองอุบลราชธานีอยู่ที่ 5,130 ลดลงจากเมื่อวานนี้ (14 ก.ย.) ซึ่งอยู่ที่ 5,260 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่วนระดับน้ำสูง 10.88 เมตรลดลงจากเมื่อวานนี้ซึ่งอยู่ที่ 10.93 เมตร ลดลง 5 เซนติเมตร
ทั้งนี้ ระดับน้ำยังสูงกว่าตลิ่งฝั่งอำเภอวารินชำราบอยู่ 3.88 เมตร อีก 10-12 วันน้ำที่ท่วมพื้นที่ต่างๆ จะลดลงจนอยู่ในลำน้ำ ส่วนน้ำที่ขังอยู่ในที่ลุ่มต่ำนั้นจะติดตั้งเครื่องสูบน้ำสูบออก แต่กำลังประสานท้องถิ่นว่ามีพื้นที่ใดสามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ โดยอาจใช้ที่สาธารณะทำเป็นแก้มลิง เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำไว้ใช้เพาะปลูกพืชฤดูแล้งได้
นายทองเปลว กล่าวต่อว่า ระดับน้ำปีนี้สูงมากกว่าปี 2545 อยู่ 20 เซนติเมตร ทางอุทกวิทยาถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี จึงเป็นเหตุผลที่รัฐมนตรีเกษตรฯ สั่งการให้ตั้งศูนย์บริหารจัดการอุทกภัยลุ่มน้ำชี-มูล (ส่วนหน้า) ที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจะสามารถติดตามสถานการณ์น้ำได้ใกล้ชิดและสั่งการให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด เรียกว่า “อุบลราชธานีโมเดล” ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการแก้ปัญหาอุทกภัยในอนาคต โดยเฉพาะภาคใต้ซึ่งจะเข้าสู่ฤดูฝนกลางเดือนตุลาคมนี้
นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยวันนี้ว่า วันนี้ 15 กันยายน 2562 เวลา 06.00 น. สถานการณ์น้ำท่วมและอุทกภัยยังคงกระทบพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี ยโสธร ร้อยเอ็ด และศรีสะเกษ
โดย ปภ.ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดเจ้าหน้าที่ ระดมกำลังเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัยเป็นหลัก อีกทั้งสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้โดยด่วนทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง