ครอบครัวช็อก! สาวใหญ่หัวใจวายตายทั้งที่สุขภาพดี ชื่นชมบริจาคดวงตาไว้ก่อนเสียชีวิต
ผอ.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เป็นตัวแทนมอบประกาศเกียรติคุณจากสภากาชาดไทย ให้ครอบครัวสาวใหญ่ อายุ 46 ปี หลังเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจขาดเลือดโดยเฉียบพลัน ซึ่งบริจาคดวงตาไว้ก่อนเสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 ก.ย.) ที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ แพทย์หญิงโสรยา ธรรมรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ พร้อมคณะผู้บริหาร มอบประกาศเกียรติคุณจากสภากาชาดไทย ให้แก่ทายาทของ นางพนารัตน์ จันทร์ป๊อก อายุ 46 ปี ผู้ที่เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจขาดเลือดโดยเฉียบพลัน โดยผู้เสียชีวิตได้แจ้งความประสงค์ บริจาคดวงตาให้สภากาชาดไทย เพื่อนำไปช่วยเหลือแก่ผู้อื่นต่อไป
โดย นางกรทิพย์ อายุ 54 ปี พี่สาวของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า นางพนารัตน์ ปกติเป็นผู้ที่ชอบทำบุญ ทำงานอาสา งานกุศลต่างๆ จึงเป็นที่รักของเพื่อนๆ และผู้ที่ได้พูดคุยด้วย โดยล่าสุดได้สมัครเข้าร่วมรำถวายพระพุทธมหาธรรมราชา ในงานประเพณีอุ้มพระดำน้ำจังหวัดเพชรบูรณ์ ประจำปี 2562 วันที่ 26 กันยายน 2562 ที่จะถึงนี้ โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมรำจำนวน 2562 คน โดยนางพนารัตน์ จันทร์ป๊อก เป็นหนึ่งในนั้น และเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมาก็ได้รำโชว์ในงานแถลงข่าวงานอุ้มพระดำน้ำด้วย
ก่อนที่จะเสียชีวิตเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่นางพนารัตน์นอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน ลูกสาวได้เดินมาปลุกแต่นางพนารัตน์ก็ยังไม่ลุก จึงได้เขย่าตัว ก็ปรากฏว่านางพนารัตน์ไม่มีอาการตอบสนอง จึงรีบโทรแจ้ง 1669 โดยรถโรงพยาบาลมารับตัว พร้อมกับทำการปั๊มหัวใจช่วยชีวิตไปตลอดทาง
กระทั่งมาถึงโรงพยาบาลแพทย์และพยาบาลได้ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่นางพนารัตน์ก็ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับลูกๆ เป็นอย่างมาก เพราะตามปกตินางพนารัตน์เป็นคนที่มีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง และได้แจ้งบริจาคดวงตาไว้ที่ศูนย์บริจาคอวัยวะ โรงพยาบาลสมเด็จพระนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก และได้มีการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี ไม่น่าเชื่อว่าจะเสียชีวิตไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้
จากการที่ผู้ตายได้บริจาคดวงตา ซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์กับบุคคลอื่นได้ ถือเป็นกุศล และขอให้บุญกุศลจงส่งผลให้ผู้ตายไปสู่สุคติภพ และขออานิสงส์ผลบุญในครั้งนี้ส่งผลให้มีแต่สิ่งดี ๆ กับครอบครัวของผู้ตายด้วย
ด้าน แพทย์หญิง โสรยา ธรรมรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตถูกนำตัวมาจากบ้านด้วยอาการหัวใจวายโดยเฉียบพลัน ซึ่งแพทย์และพยาบาลต่างก็ได้ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตได้ และจากการตรวจสอบประวัติการเจ็บป่วยของเครือญาติพบว่า มีญาติผู้ใหญ่ป่วยเป็นโรคหัวใจด้วย
ดังนั้นจึงขอเตือนประชาชนทั่วไปให้หมั่นตรวจสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 30 ปี ขึ้นไป ต้องตรวจเกี่ยวกับหัวใจด้วย เพราะแนวโน้มอายุของผู้ป่วยเกี่ยวกับระบบหัวใจจะมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ ทั้งนี้อาจจะเป็นผลมาจากพฤติกรรมการกินรวมทั้งสารพิษ สารตกค้างที่อยู่ในอาหารนั่นเอง