ยุติธรรมแถลงยกเลิก "กำไล EM" สั่งปรับบริษัทรับเช่า 83 ล้านบาท

ยุติธรรมแถลงยกเลิก "กำไล EM" สั่งปรับบริษัทรับเช่า 83 ล้านบาท

ยุติธรรมแถลงยกเลิก "กำไล EM" สั่งปรับบริษัทรับเช่า 83 ล้านบาท
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กระทรวงยุติธรรม ตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงสื่อ ประกาศยกเลิกเช่ากำไล EM หลังพบบริษัทรับเช่าผิดสัญญาถึง 4 ข้อ พร้อมสั่งปรับเป็นเงินกว่า 83 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงถึงการยกเลิกสัญญาการเช่ากําไลอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring: EM) กับ บริษัทสุพรีม แล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2562 หลังพบว่าไม่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถถอดออกได้อันเกิดจากความบกพร่องของตัวอุปกรณ์ที่มีคุณลักษณะไม่ตรงตามขอบเขตของงานใน TOR จึงได้แจ้งไปยัง บริษัทสุพรีม ดีสทิบิวชั่น(ไทยแลนด์) ให้รับทราบเรื่องนี้ ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อให้ชดใช้ค่าปรับให้กรมคุมประพฤติ เป็นจำนวนเงิน 83 ล้านบาท

เนื่องจากทำผิดสัญญาถึง 4 ประเด็น ได้แก่ การส่งมอบอุปกรณ์ EM ล่าช้า, การไม่นำอุปกรณ์ EM จำนวน 4,000 เครื่อง มาเปลี่ยนให้ใหม่ ตามเวลากำหนด 26 วัน, ค่าเสียหายกรณีไม่มีเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานประจำในศูนย์ใน EM เซ็นเตอร์ นานถึง 1 เดือน และ ค่าปรับความเสียหาย ภายหลังบอกเลิกสัญญา กรณีกรมคุมประพฤติไม่สามารถใช้งบประมาณได้ เป็นจำนวนเงินกว่า 29 ล้านบาท โดยค่าเสียหายจำนวนทั้งหมดนี้ บริษัทสุพรีม ต้องจ่ายให้ กรมคุมประพฤติ ภายใน 15 วัน หรือ ภายในวันที่ 4 ตุลาคมนี้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันว่าการยกเลิกไม่กระทบกับการคุมประพฤติ เพราะคนที่ต้องถูกคุมประพฤติ ตามคำสั่งของศาลต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลอยู่แล้ว เช่น การรายงานตัวและการบำเพ็ญประโยชน์ โดยกรมคุมประพฤติ ได้แจ้งการยกเลิกใช้กำไล EM ให้ศาลทราบแล้ว

อีกทั้งศาลยุติธรรมก็มีศูนย์ EM เซ็นเตอร์ ที่ใช้ควบคุมผู้ต้องหา ที่คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาเช่นกัน พร้อมระบุ ปัจจุบันมีผู้ถูกใส่กำไล EM คุมประพฤติประมาณ 540 คน ซึ่งได้ทำหนังสือแจ้งไปศาลแต่ละจังหวัดเพื่อให้ยกเลิกการใช้กำไลดังกล่าวแล้ว ซึ่งบางส่วนทยอยถอดออกแล้วด้วย

นายสมศักดิ์ ยอมรับว่า ในอนาคตการจะนำกำไลมาใช้อีกนั้น มีความเป็นไปได้สูง แต่ต้องมีการร่างสัญญาให้รัดกุม แต่ยืนยันว่า ในปีนี้ ยังไม่มีงบประมาณ จึงยังไม่มีการเปิดประมูลใหม่ ส่วนบริษัทเดิมจะเข้ามายื่นประมูลได้อีกหรือไม่ อยู่ในความรับผิดชอบของกรมคุมประพฤติ ที่จะมีการพิจารณาอีกครั้ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook