ตำรวจบุกจับ ผัวเมียเชียงใหม่ ผลิตน้ำมันกัญชา ผู้ป่วยมะเร็งซื้อกินแล้วตาย
ตำรวจบุกรวบ "ผัวเมีย" แอบผลิตน้ำมันกัญชาขายออนไลน์ หลังมีคนร้องสายด่วน ป.ป.ส. สาวป่วยมะเร็งซื้อไปใช้ ปรากฏว่าเสียชีวิต ตะลึงพบเงินสดกว่า 3.4 ล้าน
(20 ก.ย.) พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และตำรวจ สภ.สารภี นำหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่งในตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ หลังสืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวลักลอบผลิตและบรรจุน้ำมันกัญชา เพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้าทางช่องทางออนไลน์
จากการตรวจสอบพบ นายนิพนธ์ อายุ 34 ปี และ นางสาววิชุณี อายุ 31 ปี สามีภรรยาได้แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน ขณะที่การตรวจค้นพบน้ำมันกัญชาาบรรจุขวด และแพ็คใส่กล่องพัสดุเพื่อเตรียมส่งให้ลูกค้ากว่า 30 กล่อง รวมทั้งตัวยาที่เป็นส่วนผสมอีกจำนวนหนึ่ง สมุดบัญชีเงินฝาก โฉนดที่ดิน และคู่มือรถยนต์ รวมทั้งเงินสดเป็นธนบัตรฉบับละ 1 พันบาท รวมกว่า 3.4 ล้านบาท เจ้าหน้าที่จึงยึดของกลางทั้งหมดไว้ตรวจสอบ
พล.ต.ต.พิเชษฐ ระบุว่า เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านสายด่วน ป.ป.ส. ระบุว่า มีผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นหญิงวัย 39 ปี สั่งซื้อน้ำมันกัญชาจากนางสาววิชุณี ต่อมาไม่นานผู้ป่วยรายนี้ได้เสียชีวิตลง โดยแพทย์ระบุว่าเกิดจากโรคเส้นเสียงติดเชื้อ ทางญาติเชื่อว่าอาจเกิดจากการที่ผู้ป่วยซื้อน้ำมันกัญชามาใช้ จึงร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ
หลังจากได้รับเรื่องชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนแน่ชัด ก่อนขออนุมัติศาลออกหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบในบ้านหลังดังกล่าว ที่คาดว่าจะเป็นแหล่งผลิตและบรรจุน้ำมันกัญชา ซึ่งการสืบสวนพบว่ามีการสั่งซื้อกัญชามาจากประเทศเพื่อนบ้านก่อนนำมาผสมและบรรจุเพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์มานานกว่า 2 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่เตรียมจะตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อใช้มาตรการทางกฏหมายยึดทรัพย์ รวมทั้งขยายผลถึงเครือข่ายที่ลักลอบส่งน้ำมันกัญชาให้ผู้ต้องหารายนี้เพิ่มเติม
เบื้องต้นได้มีการแจ้งข้อกับสามีภรรยา ในข้อหาผลิตและมียาเสพติดประเภท 5 ไว้ในความครอบครอง และจะได้ส่งน้ำมันกัญชาของกลางเพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่ามีส่วนผสมของสารชนิดใดบ้าง และเกี่ยวข้องกับสาเหตุการตายของผู้ป่วยหญิงคนดังกล่าวหรือไม่ หากพบว่ามีเกี่ยวข้องก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป
ขณะที่ นางสาววิชุณี ให้การว่า ได้เรียนจบระดับปริญญาตรี จากคณะบริหารธุรกิจ จากนั้นตนกับได้ร่วมกันทำธุรกิจจำหน่ายถุงห่อผลไม้เพื่อป้องกันแมลง และอุปกรณ์ทางการเกษตร ส่วนสาเหตุที่หันมาขายน้ำมันกัญชา เพราะตนก็ใช้เองอยู่และได้ผลดี ขณะเดียวกันก็ได้รู้จักกับผู้ป่วยมะเร็งหลายคนจึงสนใจและศึกษา ก่อนสั่งน้ำมันกัญชาจาก สปป.ลาว มาผสมและบรรจุขายให้ผู้ป่วย ขายในราคาขวดละ 1 พันบาท
หลังจากขายน้ำมันกัญชาให้ผู้ป่วยมะเร็งหลายรายได้ติดตามผล พบว่าหลายรายมีอาการดีขึ้น และหายป่วย เช่น ผู้ป่วยรายหนึ่งที่เป็นมะเร็งสมอง แพทย์ระบุว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 2 เดือน แต่เมื่อซื้อน้ำมันกัญชาจากตนเองไปใช้ก็อยู่มาได้นานเกือบ 2 ปีแล้ว จึงขายมาเรื่อยๆ จนธุรกิจขยายตัว แต่ยืนยันว่าเงินสดจำนวน 3.4 ล้านบาท ที่เก็บไว้ในบ้านพัก เป็นเงินที่ได้จากธุรกิจขายอุปกรณ์ทางการเกษตรไม่เกี่ยวกับการขายกัญชา
เภสัชกรหญิงนฤมล ขันตีกุล เภสัชกรชำนาญการ กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ บอกว่า น้ำมันกัญชาที่ไม่เข้ากลุ่มยาเสพติด ต้องอยู่ในกลุ่มยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยแบ่งจากส่วนผสมหากมีสารทีเอสซี น้อยกว่า 0.02 เปอร์เซนต์ จะถือเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร
แต่รายนี้พบว่ายังไม่มีการขออนุญาตถูกต้อง ซึ่งผู้บริโภคที่ซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีการขออนุญาตถูกต้อง จะไม่ทราบเลยว่ามีส่วนผสมชนิดใดบ้าง เกิดมาตรฐานที่กำหนดหรือไม่ และควรจะกินในปริมาณเท่าใดจึงจะเหมาะสม จึงอาจเกิดความเสี่ยงและมีผลเสียต่อร่างกาย เช่น มีผลต่อความดัน เป็นลม และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงขอฝากเตือนประชาชนให้ตรวจสอบผลิตภัณฑ์ให้ดีว่าได้รับอนุญาตหรือไม่ โดยเฉพาะน้ำมันกัญชา จึงควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ