สันติสุข โต้ไม่เกี่ยวกลุ่มสยามสามัคคี

สันติสุข โต้ไม่เกี่ยวกลุ่มสยามสามัคคี

สันติสุข โต้ไม่เกี่ยวกลุ่มสยามสามัคคี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่ม-สันติสุข แจงไม่เกี่ยวข้องกับ กลุ่มสยามสามัคคี งงถูกนำชื่อไปแอบอ้างต้านระบอบทักษิณ ทั้งที่ไม่รู้จักใครสักคนในรายชื่อ วอนคนต้นเรื่องออกมาชี้แจง สุริยะใส โวยหมายเรียกพธม.หวังผลการเมือง

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 5 ก.ค. นายสันติสุข พรหมศิริ พิธีกรชื่อดัง ได้ออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนกรณีที่มีรายชื่อเข้าไปสนับสนุนกลุ่มสยามสามัคคีเพื่อต่อต้านระบอบทักษิณ ที่รายการ 07 โชว์ สตูดิโอเจเอสแอล ซอยลาดพร้าว 107 โดยกล่าวว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา(2 ก.ค.) ระหว่างไปถ่ายทำละครเรื่องคุณหนูฉันทนา น.ส.ปาจรีย์ ณ นคร หรือ พุดเดิ้ล เพื่อนนักแสดง ได้เล่าให้ฟังว่าอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ว่าตนมีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มดังกล่าว ซึ่งตนไม่รู้จักมาก่อน

"บุคคลที่มีอยู่ในรายชื่อตามข่าว ผมก็ไม่รู้จักใครสักคน แล้วเนื้อข่าวไปเขียนว่าผมร่วมหารือด้วย คิดว่าเขาน่าจะเขียนผิดมากกว่า เพราะผมไม่เคยเกี่ยวข้องเลย ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าฝ่ายใด สิ่งที่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมีอย่างเดียว นั่นคือการออกไปเลือกตั้ง ผมจึงคิดว่าเขาน่าจะพิมพ์ผิดหรือส่งข่าวผิด แต่พอมาอีกวันหนึ่งมีรุ่นพี่อีกคน โทรศัพท์มาถามผมอีกเพราะไปเห็นข่าวผมทางสื่ออินเตอร์เน็ต ผมก็ยิ่งงง ซึ่งในกระทู้ต่างก็วิพากษ์ว่าผมอยู่ฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ ผมจึงต้องออกมาชี้แจงว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆไม่ว่าฝ่ายไหน ผมไม่เคยไปร่วมใดๆทั้งสิ้น ผมอยากให้กลุ่มสยามสามัคคีออกมาชี้แจงว่าเป็นเรื่องผิดพลาดหรือเหตุใด ทำไมจึงมีชื่อผมอยู่ในนั้น อย่างที่ทราบ เรื่องการเมืองเป็นเรื่องละเอียดอ่อน บ้านเมืองตอนนี้ก็มีหลายฝ่าย ผมเองก็ไม่อยากจะอยู่ฝ่ายไหน" พิธีกรชื่อดังกล่าว

นายสันติสุข กล่าวต่อว่าไม่ทราบว่าจะไปตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้จากที่ใด เพราะบุคคลที่มีชื่ออยู่ในข่าว ตนไม่รู้จักเลย ส่วนเรื่องว่าจะฟ้องร้องหรือไม่นั้น คงไม่ เพราะตนเพียงอยากออกมาชี้แจงให้ประชาชนทราบว่าตนไม่เกี่ยวข้องใดๆเท่านั้น

"สุริยะใส"โวยหมายเรียกพธม.หวังผลการเมือง

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (กมม.) กล่าวว่า การออกหมายเรียกของพนักงานสอบสวนโดยตั้งข้อหาก่อการร้ายต่อแกนนำพันธมิตร กรณีการชุมนุมที่สนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ รวม 36 คนนั้น เป็นข้อหาที่เกินจริงเลื่อนลอย ไม่ต่างจากการตั้งข้อหากบฎ 9 แกนนำพันธมิตรฯ ก่อนหน้านั้น ซึ่งในที่สุดเมื่อมีการร้องอุทธรณ์หมายจับต่อศาล ศาลก็มีคำสั่งถอนข้อหากบฎในเวลาต่อมา ครั้งนั้น ทางพนักงานสอบสวนน่าจะถือเป็นบทเรียน และพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกลับข้อหากลั่นแกล้งแต่ประการใด

เขาบอกว่า เมื่อเทียบเคียงกับการเคลื่อนไหวของ นปช.ที่ปลุกระดมให้ผู้ชุมนุมเผาบ้านเผาเมืองและบุกจับผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่มาร่วมประชุมที่พัทยา จนการประชุมต้องล้มลงและสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล และยังพยายามฆ่าและบุกจับนายกฯ เป็นตัวประกันที่กระทรวงมหาดไทย แต่ตำรวจกลับตั้งข้อหาเบากว่าข้อเท็จจริง

อย่างไรก็ตาม เท่าที่หารือทนายความแล้ว ผู้ที่ออกหมายเรียกทั้งหมดจะไปรายงานตามหมายเรียก โดยยินดีต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม รับรองไม่หลบหนีหรือไปล่าชื่อฎีกาเหมือนที่ นปช.กำลังทำอย่างแน่นอน

"พวกเรามั่นใจในความบริสุทธิ์ในการชุมนุมที่สนาบบินทั้งสองแห่ง ไม่ได้มุ่งหมายสร้างความวุ่นวายเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญชุมนุมโดยสงบ ต่อต้านรัฐบาลที่หมดความชอบธรรม ไม่ได้ทำร้ายอาคารหรือทรัพย์สินของสนามบิน ซ้ำร้ายยังถูกคนร้ายยิงระเบิด M79 เข้าใส่หลายครั้งแต่ตำรวจยังจับใครไม่ได้"

นายสุริยะใส กล่าวว่า ไม่อยากเรียกว่า เป็น 2 มาตรฐาน แต่เป็นความไม่มีมาตรฐานของพนักงานสอบสวนมากกว่า และการตั้งข้อหาก่อการร้ายครั้งนี้ คงหวังผลทางการเมือง เช่น อาจหวังใช้พันธมิตรฯ เป็นแพะเพื่อปราบปรามการเคลื่อนไหวของ นปช. หรือหวังทอนกำลังของพันธมิตรฯ ก็เป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม คดีนี้ จะไม่กระทบกับพรรคการเมืองใหม่อย่างแน่นอน เพราะเป็นขั้นตอนการออกหมายเรียกเท่านั้นเมื่อไปรายงานตัวแล้วก็คงไม่มีปัญหา ส่วนในระยะยาว จะเป็นการสกัดกั้นการเติบโตของพรรคการเมืองใหม่หรือไม่นั้น เวลาจะพิสูจน์ ถ้ารัฐบาลหรือฝ่ายการเมืองมีเจตนาเช่นนั้นก็ขอเตือนว่า รัฐบาลก็อยู่ลำบากเหมือนกัน

เขายังเห็นว่า นายกษิตย์ ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ไม่จำเป็นต้องลาออก เพราะเป็นแค่หมายเรียก และเป็นการตั้งข้อหาเกินจริง เป็นข้อหาที่ นปช.ตั้งให้ด้วยซ้ำ ถ้าลาออกเท่ากับยอมรับการกลั่นแกล้งของใครบางคน

"ผมอยากแนะนำตำรวจ ถ้าจะรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ควรจับตาการเคลื่อนไหวของ นปช.ในขณะนี้ โดยเฉพาะการล่ารายชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ให้ พตท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น นปช.มีเจตนาก่อความวุ่นวายขึ้นในประเทศ เป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เพราะหนังสือฎีกาถ้าอ่านอย่างละเอียด ไม่ต่างจากใบปลิวเถื่อนที่กลุ่ม นปช.ปล่อยออกมาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงอยู่ในขณะนี้ โดยอ้างว่า เป็นหนังสือถวายฎีกา แต่ใช้หนังสือถวายฎีกาหลอกโจมตีจาบจ้วงในหลวงและศาล และหวังใช้มวลชนกดดันสถาบันสูงสุดอย่างโจ่งแจ้ง แต่ตำรวจกลับปล่อยให้ดำเนินการได้อย่างเปิดเผย "

นายสุริยะใส ยังระบุว่า การออกมาค้านของนายสุรชัย แซ่ด่าน เป็นการแค่การจัดฉาก เพื่อไม่ให้ขบวนการนี้โยงกับฝ่ายซ้ายปีกทักษิณ เลยเสแสร้งขัดขากันเอง แต่ลึก ๆ แล้วเป็นแผนซ้อนแผน เผื่อตบตาชาวบ้านว่า การล่ารายชื่อครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายซ้ายบางกลุ่มแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อได้รายชื่อครบ ก็จะไต่ระดับไปสู่การทำสงครามกับศักดินารอบใหม่ที่ใหญ่และรุนแรงกว่าเดิม

"กษิต"เตรียมรับทราบข้อกล่าวหา16กค.

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ และโฆษกการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ในข้อหาใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองและก่อการร้าย จากคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ว่า นายกษิต ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร และจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งอาจเป็นวันที่ 16 ก.ค.นี้ หรือถ้ามีภารกิจอื่นก็อาจเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเร็วขึ้น

นายชวนนท์ กล่าวว่า นายกษิตได้เตรียมทนายเพื่อรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเพื่อใช้ในการชี้แจงพนักงานสอบสวนว่าการไปร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯในครั้งนั้นเป็นการไปในฐานะวิทยากรเท่านั้น และต้องติดตามดูว่าพนักงานอัยการจะสั่งฟ้องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นายกษิต ได้พูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แล้ว ซึ่งนายกฯเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร นายกษิตยังทำงานต่อได้ตามปกติ เพราะยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook