ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีบุกบ้านป๋าเปรม หลัง 4 แกนนำ นปช.กลับลำรับสารภาพ
ศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษา หลังแกนนำ นปช.ขอกลับคำให้การเป็นรับสารภาพในคดีปิดล้อมบ้านอดีตประธานองคมนตรี ด้าน"ณัฐวุฒิ" ยืนยัน ห่วงอนาคตประชาธิปไตยมากกว่าอนาคตตัวเอง ระบุการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไม่มีผูกขาดการนำ
ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เนื่องจาก 4 ใน 5 จำเลยขอกลับคำให้การ จึงนัดพิจารณาคดีใหม่ คดีกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพื่อกดดันให้ลาออกจากองคมนตรี เมื่อปี 2550 ที่อัยการยื่นฟ้องนายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบขาว 2006, นายวีระศักดิ์ เหมะธุลิน, นายวันชัย นาพุทธา, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.), นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช., นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ซึ่งแต่เดิมศาลนัดตัดสินคดีในชั้นศาลฎีกาในวันนี้
จำเลยที่ 1-7 มีข้อหาในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 ขึ้นไป, ฐานก่อให้เกิดความวุ่นวายโดยเป็นหัวหน้าหรือผู้มีหน้าที่สั่งการ รวมถึงร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานและอื่นๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 วรรคสอง, มาตรา 215, 216, 297, 298 ประกอบมาตรา 33, 83 และมาตรา 91
ซึ่งจำเลยได้ประกันตัวจากศาลอุทธรณ์ ที่ตัดสินให้จำคุกคนละ 2 ปี 8 เดือน และได้ยื่นชั้นฎีกา คือ นายนพรุจ จำเลยที่ 1 และ นายวีระกานต์, นายณัฐวุฒิ, นายวิภูแถลง, นายแพทย์เหวง จำเลยที่ 4-7 ส่วนนายวีระศักดิ์และนายวันชัย จำเลยที่ 2-3 ได้ยกฟ้องตั้งแต่ศาลชั้นต้นและอัยการไม่ได้ยื่นอุทธรณ์
โดยวันนี้จำเลยทั้ง 5 คนมาศาล ซึ่งมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช., นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานที่ปรึกษา นปช., นายแพทย์สลักธรรม โตจิราการ, นายก่อแก้ว พิกุลทอง และแกนนำ นปช.บางส่วน รวมทั้งนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย และมวลชนคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งมาให้กำลังใจและเข้าฟังการตัดสินของศาลฎีกาครั้งนี้ด้วย
นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ก่อนฟังคำตัดสินศาลฎีการะบุว่า ไม่ได้มีความกังวล หรือเตรียมการอะไรในเรื่องนี้ โดยทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม หากผลออกมาเช่นไรก็พร้อมที่จะยอมรับ และขอยืนยันว่าทุกอย่างที่ นปช.ดำเนินการเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ภายใต้หลักการที่ต้องการให้ประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย และไม่ต้องการให้มีความรุนแรงใดๆ เกิดขึ้น โดยไม่ขอคาดการณ์คำตัดสินของศาลฎีกา เพราะหลังจากนี้ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร จะมีกระบวนการดำเนินการอยู่ ส่วนแนวทางขอพระราชทานอภัยโทษนั้นยังไม่ได้คิดในตอนนี้เช่นกัน
สำหรับอนาคตทางการเมืองของนายณัฐวุฒิเอง ยืนยันว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่ากับอนาคตของประชาธิปไตยในประเทศนี้ และแม้ตัวเองและแกนนำ นปช.ต้องอยู่ในเรือนจำ ก็เชื่อว่าจะมีผู้รักประชาธิปไตยอีกจำนวนมาก ที่พร้อมจะนำการต่อสู้ภายใต้หลักการเดียวกัน และไม่มีการผูกขาดการนำอยู่กับตัวบุคคลหรือแกนนำคนใด พร้อมย้ำว่าจะมีคนรุ่นใหม่ๆ ที่มีอุดมการณ์มามีบทบาทและขับเคลื่อนให้ประเทศชาติเกิดประชาธิปไตยเสมอ
อย่างไรก็ตาม ศาลฎีกาได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปก่อนนัดพิจารณาคดีใหม่
นายณัฐวุฒิ เปิดเผยภายหลังออกจากศาลว่า จำเลยทั้ง 4 คน ยกเว้นนายนพรุจ ส่งคำร้องขอกลับคำให้การเป็นรับสารภาพ รู้สึกสำนึกผิด และขอลดโทษ หากยังคงเหลือโทษจำคุกอยู่ก็ขอให้เหลือเพียงรอลงอาญา ทั้งนี้ ศาลฎีกาได้ให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปก่อน โดยจะนำเอาคำให้การใหม่มาพิจารณา
ด้าน นายนพรุจ ระบุว่า ที่ไม่กลับคำให้การตาม 4 แกนนำ นปช. เพราะเชื่อมั่นการกระทำของตัวเองว่าไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาและมีใบรับรองแพทย์มายืนยันว่าตัวเองถูกทำร้ายร่างกาย แต่ศาลชั้นต้นไม่ได้นำมาพิจารณาด้วย
อย่างไรก็ตาม พร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาลฎีกาในอนาคตหากต้องถูกโทษจำคุก ยืนยันว่าจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองบนท้องถนนหรือไม่ลงบนท้องถนน หรือกระทำการใดที่เป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทอีกแน่นอน ส่วนการที่แกนนำ นปช.ตัดสินใจกลับคำให้การในวันนี้ ส่วนตัวไม่ได้พูดคุยกัน และในอนาคตจะเคลื่อนไหวร่วมกับ นปช.อยู่หรือไม่ ก็ต้องดูหลักการและการเคลื่อนไหวของ นปช.ต่อไป