"หมอนิติเวช" ไขปริศนา "ลันลาเบล" สิ้นลมหายใจกี่โมง ย้ำตัดคอนโดฯ ทิ้งได้เลย
"นายแพทย์กฤติน มีวุฒิสม" แพทย์นิติเวชชำนาญการกระทรวงสาธารณสุข และ "ทนายเจมส์-นิติธร แก้วโต" ได้มาวิเคราะห์ถึงคดีดังสุดอื้อฉาว การเสียชีวิตของพริตตี้ "ลันลาเบล" ที่สังคมต่างคาใจช่วงเวลาการตายว่าเกิดในช่วงเวลาไหนกันแน่ ระหว่างบ้านจุดเกิดเหตุ ในรถ หรือที่คอนโดฯ โดยผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 คนได้มาร่วมรายการ "โหนกระแส" ทางช่อง 28
อยากรู้ในฐานะแพทย์นิติเวช สภาพ "ลันลาเบล" น่าจะเสียชีวิตเวลาประมาณกี่โมง?
กฤติน : "การจะบอกว่าเขาเสียชีวิตเวลาไหนต้องใช้ข้อมูลหลายอย่างประกอบ ตอนนี้ข้อมูลเท่าที่มี มีจากการตรวจศพ การแข็งตัวของศพ ซึ่งมันสามารถประเมินได้ว่า ณ เวลานั้น ศพน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณกี่โมง ต้องรวมกับไทม์ไลน์ต่างๆ ต้องรวบรวมข้อมูลชุดอื่นด้วย"
"ตัวเลขที่จะอ้างอิงเป็นเลขสมมุติ เพราะเราไม่รู้ไทม์ไลน์ที่แท้จริง อย่างแรกเลยสามารถใช้อะไรได้บ้างในการกะระยะเวลาการตาย อย่างแรกศพมีการแข็งตัว ถ้ามีการตรวจของแพทย์ตอนตีสาม พบว่าแข็งตัวเต็มที่ เราสามารถประเมินย้อนไปได้ว่าน่าจะเสียชีวิตประมาณ 15.00 ถึง 19.00 น. ครับ"
"ถ้าดูจากข้อมูล มีข้อมูลกล้องวงจรปิด ตอนที่อุ้มลงมา ตอนนั้นเห็นได้ชัดว่าศพแข็งตัวเต็มที่แล้ว ตรงหัวไหล่กับสะโพกแข็งแล้ว ที่ชัดเลยคือตอนอุ้มไปที่โซฟา แขนกาง ขากางหมดแล้ว อันนี้ค่อนข้างคิดว่าแข็งตัวเต็มที่แล้ว ในเมื่อพบการแข็งตัวของศพ ในทางปฏิบัติควรเอาข้อมูลสองชุดมาดูว่ามีช่วงคร่อมกันตรงไหนมันก็จะแคบลงมา เพราะฉะนั้นช่วงที่หนึ่งก็ 15.00-17.00 น. ทำให้มันใกล้เคียงที่สุด พอคนบอกว่าตอนนั้นยังคุยกัน เห็นว่ายังมีสติอยู่ ก็ตัดให้มันแคบลงไปอีก เหลือ 16.00 -17.00 น. ก็ทำให้มันแคบลง"
กรณีที่เขาลากร่าง "ลันลาเบล" ไปคอนโดแล้วปัสสาวะราด?
กฤติน : "เรื่องปัสสาวะเล็ดหรือราดออกมาจากร่างกาย ไม่ได้บ่งบอกว่าเขายังเป็นสิ่งที่มีชีวิต ที่เขาบอกว่าลมปราณแตกซ่านทวารเปิดเป็นภาษาชาวบ้าน แต่ถ้าพูดง่ายๆ ปกติกระเพาะปัสสาวะมีหูรูดที่คอยบีบอยู่ไม่ให้ปัสสาวะออกมาที่ท่อปัสสาวะ กรณีที่ร่างกายเสียชีวิตไปแล้ว การสั่งการจากระบบที่มาสั่งการควบคุมหูรูดมันก็ไม่มีการสั่งการ มันอาจมีการที่หูรูดหย่อนได้ ยิ่งมีการเคลื่อนย้ายศพ เหมือนแบกอะไร มีแรงกดทับหน้าท้อง มันก็บีบกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะเล็ดออกมาได้ การที่ปัสสาวะเล็ดออกมาช่วงเวลาไหน ไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้บอกอะไรเลย"
จุดที่ลันลาเบลเสียชีวิตสำคัญกับคดีนี้ไหม?
ทนาย : "สำคัญหลายๆ ส่วน ตั้งข้อกล่าวหาก็สำคัญ และจะมีส่วนไปในการแจ้งข้อกล่าวหาคนอื่น เบื้องต้นน้ำอุ่นใกล้ชิดศพ อาการผิดปกติต่างๆ น้ำอุ่นควรจะเห็นเป็นคนแรก"
เขาอ้างว่ามองแล้วแยกไม่ออก?
กฤติน : "คือถ้าดูด้วยตาเปล่าก็แยกยากมาก ปกติถ้ายังไม่ตายก็สังเกตการหายใจว่ามีการเคลื่อนที่ เคลื่อนไหวของศพ แต่ถ้าคนไม่ได้สังเกต"
ทนาย : "ข้ออ้างเขาอ้างได้หมด แต่ศาลเชื่อหรือเปล่าอีกเรื่องนึง เพราะเท่าที่ดูจากข่าวประมวลจากข่าว มีความผิดสังเกตหลายจุดที่วิญญูชนเห็นแล้วน่าจะเอะใจ อย่างกรณีการเมา ถ้าเมาปกติเราไปแกล้งแหย่ก็จะมีอาการตอบโต้ แต่นี่คือหมดสติไปเลย การหมดสติอาจเกิดจากการเมาแล้วไม่เป็นอันตรายอย่างเดียวเหรอ การหมดสติอาจเกิดจากการช็อกก็ได้ ส่วนนี้มองว่าเป็นความประมาทของใครกันแน่ ตรงนี้แหละถ้าเกิดในบ้าน แล้วมีคนเห็นแล้วไม่แจ้งรถพยาบาล ไม่พาส่งรพ. หรือแจ้งคนใกล้ชิดน้องให้มารับตัว อันนี้จะเป็นการประมาททำให้คนอื่นตายหรือเปล่า"
กรณีพบแอลกอฮอล์ในเลือด 418 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าสูงไหม?
กฤติน : "สูงมาก จนทำให้เสียชีวิตได้ครับ"
หากตรวจตอนที่เคลื่อนย้ายออกจากบ้าน ปริมาณแอลกอฮอล์จะสูงกว่า 418 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์หรือไม่?
กฤติน : "ต้องบอกว่ากระบวนการดูดซึมจะสิ้นสุดเมื่อเสียชีวิต ถ้า 418 และไม่มีการขับออก แสดงว่าตอนนั้นเสียชีวิตแล้ว ถ้าเป็นศพแล้วเราไปตรวจหลังจากนั้น 6-8 ชั่วโมง ไม่ได้ทำให้ผลต่างไป ถ้ารักษาสภาพศพอยู่ได้ไม่มีการเน่านะ"
ถ้าตรวจตอนนั้นกับตรวจอีกวัน จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่ปริมาณจะพุ่งขึ้น 800?
กฤติน : "ถ้าศพเน่าก็ขึ้นได้ แต่ไม่ได้ขึ้นเยอะ ไม่มีทางขึ้นไปถึง 800 กระบวนการเน่าเพิ่มแอลกอฮอล์ในเลือดได้ แต่ไม่ได้เพิ่มเยอะมาก ก็ต้องเข้าใจกระบวนการดูดซึมและการขับออก"
ทนาย : "ปกติร่างกายคนมีการขับแอลกอฮอล์ออกอยู่แล้ว แต่พอเขาเสียชีวิตมันขับออกไม่ได้ มันก็หยุด"
นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ระบุว่า หัวใจหยุดเต้นไปตอน 17.00 น.?
กฤติน : "ในมุมมองผม และหมอนิติเวช มันสามารถใช้ได้แต่ในระดับหนึ่ง แต่ต้องเข้าใจกลไกการทำงานว่าแม่นยำแค่ไหน คลาดเคลื่อนมากน้อยแค่ไหน ต้องตรวจสอบจากผู้ผลิต สองการบอกว่าจุดที่ชีพจรจับไม่ได้เป็นเวลาตายหรือไม่ มันดูไม่ได้ ต้องดูแนวโน้มที่หายไป สมมติอัตราการเต้นหัวใจสม่ำเสมอตลอด อยู่ดีๆ หายไปเลย ตรงนี้อาจเป็นปัจจัยที่คลาดเคลื่อนจากนาฬิกา อาจจะแบตเตอรี่หมดหรือถอดออกก็ได้"
"แต่ถ้าเป็นลักษณะที่เชื่อได้ว่ามีความผิดปกติของหัวใจอย่างต่อเนื่องก่อนจับชีพจรไม่ได้ อย่างหัวใจเต้นปกติแล้วอยู่ดีๆ แล้วสูงปรี๊ด ขึ้นไป 150-180 มันจะเป็นกลุ่มการเต้นหัวใจผิดจังหวะ ซึ่งจะเร็วหรือช้ากว่าปกติก็ได้ แล้วถ้าหายไปเลยมันก็จะบอกได้ หรืออยู่ดีๆ มันต่ำไปเรื่อยๆ ก็น่าสงสัยได้ว่าช่วงนี้เขาผิดปกติ ถ้าเกิดการทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะก็เกิดได้หมด เหล้ากระตุ้นให้เกิดการเต้นผิดปกติของหัวใจก็ได้เหมือนกัน มันมีความสัมพันธ์กัน"
คุณหมอลองคาดคะเน คิดว่าน่าจะเสียชีวิตตรงจุดไหน บ้าน รถ หรือที่คอนโดฯ?
กฤติน : "จากเหตุผลที่ผมบอก ส่วนตัวเลยคิดว่าความเป็นไปได้ น่าจะเป็นช่วงที่บ้าน หรือออกมาจากบ้านไม่นานนัก ส่วนตัวตัดคอนโดฯ ไปได้เลย ตอนที่อุ้มจากรถไปคอนโดฯ อาจจะเสียชีวิตไปแล้ว"
แล้วถ้าแบบนี้ น้ำอุ่น จะโดนข้อหาหนักหรือไม่?
ทนาย : "คือถ้าอยู่ในรถก็ค่อนข้างหนัก เพราะตายระหว่างกักขังหน่วงเหนี่ยว ที่สำคัญมีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นในรถมั้ย ถ้าเกิดความผิดปกติแทนที่คุณจะพาเขาไปหาหมอ คุณพาเขาไปคอนโด อันนี้จะเป็นสาเหตุที่เขาถูกลงโทษหนัก"
"น้ำอุ่นเป็นคนอยู่ใกล้ชิดศพมากที่สุด ผมว่าเขาไม่น่าจะหลุดจากคดีนี้ได้ แต่โดนข้อหาอะไรบ้างแค่นั้นเอง เบาหรือหนักอยู่ที่ระยะเวลาการตาย ถ้าตายที่บ้านแล้วเอาออกมาก็เบาหน่อย"
แล้วที่เขาบอก บริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มอม "ลันลาเบล" บอกดื่มเก่ง กระดกเอง ทำให้เสียชีวิตเอง?
ทนาย : "การเอาแอลกอฮอล์เข้าร่างกาย มี 3 วิธี หนึ่งกินเอง สองไม่รู้คือเหล้าก็กิน สามถูกบังคับ ผมว่าถูกมอมไม่น่าเป็นไปได้น้องเขามีอาชีพนี้ รู้ว่างานที่ไปคืออะไร ตัวเองรู้ตัวเองดีที่สุดว่าไหวหรือไม่ไหว ไม่มีใครบังคับจับกรอก เพราะฉะนั้นการเสียชีวิตเกิดจากตัวเองกินเองก็จะไปโทษคนอื่นไม่ได้ การเสียชีวิตเกิดขึ้นตอนไหนไม่รู้ แต่น้ำอุ่นเอาร่างเขาออกมา มีสติหรือไม่มีสติ ตายหรือไม่ตายก็ไม่รู้ ข้อหาเบาหรือหนักก็อีกเรื่อง เพราะการอนาจาร กักขังหน่วงเหนี่ยวต้องทำกับบุคคลเท่านั้น"