"นะโม-ออม" ผู้จัดการส่วนตัว จับสังเกตคำพูดสุดท้าย "เหม ภูมิภาฑิต" บอกแค่ไปจะช้าหน่อย
สร้างความเศร้าโศกให้กับครอบครัวและคนในวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก สำหรับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของนักแสดงหนุ่ม เหม-ภูมิภาฑิต นิตยารส โดยล่าสุด นะโม-พัชรกันย์ ไพรสันเทียะ และ ออม-ธีรดา ธีรเกียรติ ผู้จัดการส่วนตัวของ เหม ภูมิภาฑิต ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อมวลชนว่า
นะโม : "สำหรับพี่ไม่มีสัญญาณอะไรที่จะบอกถึงเหตุการณ์นี้เลยนะคะ เพราะเมื่อวานนี้พี่โมยังนัดคุยงานอยู่กับน้องตอน 4 โมงเย็น คืนก่อนหน้าพี่โมก็ยังคุยกับเขาอยู่จนถึงตีสาม และเช้ามาตอนบ่ายสองโมงเขายังไลน์มาหาเลยว่าออกจากบ้านมาแล้วหรือยัง เดี๋ยวเขามีธุระนะ ขอไปทำธุระก่อน น่าจะมาถึงช้านิดหนึ่งประมาณ 4 โมงครึ่ง พี่โมก็โอเคตามนั้น พี่ถามเขาไปอีกว่าให้เลื่อนนัดไหม เลื่อนก็ได้นะ แต่เขายืนยันว่าไม่เลื่อนดีกว่า อยากให้งานมันเดิน พี่ก็โอเครีบมาให้เร็วที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วงนะเดี๋ยวจะคุยกับทีมไปเรื่อยๆ ก่อน นั่นคือประโยคสุดท้ายที่คุยกันทางแชท"
ไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าเขาจะคิดสั้นเลยใช่ไหม ?
นะโม : "ไม่มีเลยค่ะ ไม่มีจริงๆ เพราะพี่โมคุยกับน้องเกือบทุกวัน ไม่ว่าจะโทรคุย แชทคุย หรือคุยผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ พี่ติดต่อน้องตลอด และน้องก็ติดต่อพี่ตลอด เพราะฉะนั้นเราอัปเดตชีวิตกันตลอดเวลา ตกเย็นมาเขาก็จะบอกเดี๋ยวไปฟิตเนสแล้วนะ วันนี้น้ำหนักเขาลงกี่กิโลกรัม เขาแชร์ทุกอย่างให้ทราบหมดเลย มันไม่มีเหตุการณ์บอกพี่เลย"
ที่เขาโพสต์ข้อความเศร้าๆ ในทวิตเตอร์และอินสตาแกรม เราเห็นไหม ?
นะโม : "เห็นค่ะ ก็ถามเขาว่ามีอะไรหรือเปล่า คือถ้าเป็นข้อความที่พี่รู้สึกได้ พี่จะบอกเขาให้โทรมาคุยสิ มีเรื่องอะไร บางทีก็คุย บางทีก็จะไม่ได้คุยกัน แต่ข้อความสุดท้ายที่น้องโพสต์ พี่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการสั่งลาหรือใดๆ เพราะปกติน้องจะโพสต์ข้อความแบบนี้ที่เป็นข้อความสั้นๆ ให้แง่คิด น้องโพสต์มาโดยตลอดในโซเชียลมีเดียของเขา"
ในทวิตเตอร์เขาโพสต์ไว้ว่า จะถึงวันสู่อิสระภาพแล้ว ?
นะโม : "อันนี้คือที่พี่เข้าใจเองนะคะว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงาน ไม่ใช่งานในวงการ แต่เป็นโปรเจกต์อื่นที่เขาทำอยู่ แล้วเราคิดว่าโปรเจกต์นี้ขาทำมานาน และน่าจะสำเร็จแล้ว แค่นั้น"
ออม : "เพราะทุกงานหรือทุกกิจกรรมที่เขาทำ เรารับรู้ตลอด เราแชร์กันตลอด พี่ถึงบอกว่ามันไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้รู้สึกว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น"
อาการโรคซึมเศร้าของเขาดีขึ้นหรือแย่ลงยังไงบ้าง ?
นะโม : "ไม่มีอะไรเลยค่ะ เวลาเจอน้องยังคุยพูดจากันปกติแบบนั้นเลย"
ออม : "สดใส ร่าเริง เล่นมุกปกติ"
นะโม : "ต้องย้อนกลับไปหลายปี น้องจะพูดกับพี่โมเสมอว่า ผมว่าผมเป็นนะ ผมเช็กลิสต์ดูแล้ว ผมว่าจาก 9 ข้อ ผมรู้สึกเป็น 7 ข้อเลยนะ แต่พี่โมไม่เชื่อเขา บอกว่าเป็นอุปทานเดี่ยว ไม่จริงหรอก เราไม่เชื่อเขามาโดยตลอด เป็นเดือนๆ เลยค่ะที่เขาพูดแบบนี้กับพี่เสมอ จนวันหนึ่งเขาโทรมา แล้วเราคุยอะไรกันสักอย่างพี่จำไม่ได้ แต่ประโยคที่ทำให้พี่รู้สึกว่าน้องไม่ปกติแล้วก็คือ 'ถ้าไม่มีผมอยู่สักคน มันคงจะดีกว่านี้' พี่เลยรีบหาเบอร์หมอแล้วโทรนัดในวันรุ่งขึ้น พี่ก็ไปหาหมอกับเขาด้วย"
พูดนานหรือยัง ?
นะโม : "นานแล้วค่ะ หมายถึงเรื่องที่น้องมีภาวะของการเป็นซึมเศร้าเนี่ย เป็นหลายปีแล้วค่ะ"
คิดว่าอะไรเป็นสาเหตุทำให้เป็นโรคซึมเศร้า ?
นะโม : "เท่าที่เรารู้ คือน่าจะเป็นความผิดหวังซ้ำๆ กัน แต่ว่าความผิดหวังในที่นี้ เป็นเรื่องอะไรบ้าง เราไม่ทราบจริงๆ หนึ่งในนั้นมีเรื่องงานแน่นอนค่ะ"
เรื่องความรัก อกหัก เหมือน กีฟ ดราภดา เคยโพสต์ว่าเขาชอบมาปรึกษาเรื่องความรัก เกี่ยวไหม ?
นะโม : "เราไม่ได้คุยกับน้องเรื่องนี้ โดยปกติโมไม่ค่อยคุยเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่ ถ้าสมมติว่าเรารู้สึกว่าน้องมีเรื่องอะไร เราถามน้องตอบ เราก็ฟัง เป็นผู้รับฟังที่ดี แต่ถ้าถามแล้วน้องไม่ตอบ เราก็จะไม่กดดันน้อง"
ปัญหาหนักสุดที่เราเคยคุยกับเขาคือเรื่องอะไร ?
นะโม : "ไม่มีเรื่องอะไรที่แบบเป็นเรื่องหนักเลย ถ้าเป็นเรื่องที่เขารู้สึกคือ เรื่องเขาเป็นห่วงแม่ ก็จะมาช่วงหนึ่งที่คุณย่าหรือคุณยายเสีย แล้วคุณแม่ก็ไม่สบาย ทำใจยอมรับไม่ได้ เขาก็จะเป็นห่วงแม่มาก"
กรณีที่บอกว่ามีการไปค้ำประกันเงินกู้ให้เพื่อน มีความชัดเจนมากน้อยเพียงใด ?
นะโม : "เรื่องนี้โมไม่เคยทราบเลย ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ ต้องถามมดดำเลย มดดำสนิทกับน้องจริงๆ นะคะ"
มดดำออกมาพูด หรือว่าข่าววันออกมาจากคนอื่น ?
นะโม : "ไม่ทราบเลยค่ะ ถ้าตามที่โมเห็นในข่าว คือมดดำออกมาบอกในรายการแฉ"
แสดงว่ามีการไปค้ำประกันให้บุคคลนั้นจริงๆ ?
นะโม : "ไม่ทราบจริงๆ ค่ะ"
ได้คุยกับมดดำหรือยัง ?
นะโม : "เมื่อวานได้คุยกันนะคะ มดดำก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้"
เขามีปัญหาเรื่องเงินจริงไหม ?
นะโม : "ปัญหาเรื่องเงิน เท่าที่โมทราบ ที่เป็นข่าวเรื่องกรณีของบ้านเช่า อันนั้นโมอยู่ด้วย อยู่กับน้องตอนที่มันเป็นข่าว ส่วนกรณีเรื่องอื่นๆ น้องไม่เคยมาหยิบยืมเงิน น้องไม่เคยมีปัญหากับเรา ในเรื่องที่จะจัดสรรสำหรับเรา เพราะฉะนั้นเราเลยไม่ทราบว่าน้องมีปัญหาเรื่องนี้"
จากที่เราให้สัมภาษณ์ว่าน้องก็มีงานเรื่อยๆ ไม่น่าจะขัดสนเรื่องเงิน ?
นะโม : "ใช่ค่ะ แล้วน้องก็ไม่เคยมีปัญหากับเราเลย"
ไม่เคยมาหยิบยืมเราเลยใช่ไหม ?
นะโม : "ใช่ค่ะ น้องดูแลเราตามที่นักแสดงคนอื่นจะดูแลผู้จัดการ"
เราคิดว่าน้องตัดสินใจจากไปด้วยสาเหตุอะไร ?
นะโม : "ด้วยภาวะของการเป็นซึมเศร้า เราคิดว่าเขามีปัญหาหลายๆ อย่างปนๆ กัน เรื่องส่วนตัว เรื่องงานในวงการไม่มีแน่นอน เรายืนยัน เพราะว่าทุกอย่างเป็นในทิศทางที่ดีมากๆ นะคะ แต่เรื่องงานโปรเจกต์อื่นๆ อันนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา เราก็ไม่ทราบเหมือนกัน"
ได้คุยกับแฟนของน้องบ้างหรือยัง เป็นอย่างไรบ้าง ?
นะโม : "ช็อกค่ะ เราเพิ่งเจอแฟนน้อง แล้วก็ตัวน้อง เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาเอง ก็ไม่ได้ดูมีทีท่าว่าจะมีปัญหา หรือมีทะเลาะเบาะแว้ง ทุกอย่างก็ดูรักกันดีนะคะ แล้วเมื่อวานนี้ น้องก็บอกเหมือนกันกับเรา ว่าไม่มีวี่แวว ไม่มีสัญญาณ ไม่ดีอะไรใดๆเลย คือน้องปวดท้อง แล้วน้องก็ทานยา ก่อนที่น้องจะหลับไป เหมก็บอกกับแฟนเขาว่าเดี๋ยวนัดคุยงานกับพี่โมนะตอน 4 โมงเย็น ไม่ต้องไปนะ เดี๋ยวเขาขับรถไปเอง ก็คือแค่นั้น แล้วแฟนน้องก็เลยหลับ แล้วตื่นมาก็มาเจอ"
เห็นว่าในมือเหม ถือแว่นกำไว้แน่น มีอะไรไหม ?
ออม : "ปกติน้องใส่แว่นค่ะ สายตาสั้นค่ะ แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรพิเศษเลย"
ตอนที่น้องไปรักษาโรคซึมเศร้า ได้ทานยาไหม ?
นะโม : "ทานยาค่ะ ทานยาสม่ำเสมอ คลิปที่ทุกคนเห็นกัน ที่แชร์กันอยู่ตอนนี้ เป็นคลิปที่น้องทำเมื่อน้องรู้สึกดีขึ้นแล้ว น้องทำ แล้วน้องก็บอกว่า อันนี้เดี๋ยวเราทำ แล้วก็บอกคนอื่นนะ ว่าให้ระวังเรื่องนี้ เพราะว่าตัวเขาผ่านเรื่องนี้มา เขาก็อยากแชร์ให้คนอื่นฟัง ก่อนที่เขาจะโพสต์เขาส่งให้เราดู เราดูแล้วก็บอกโอเค ทำเลย แล้วเขาก็ทำอีกหลายๆ อันด้วยค่ะ เป็นข้อความ เป็นอะไร ทำด้วยตัวเขาเองเลย"
ออม : "คือน้องก็หลังๆ อย่างที่ออมให้สัมภาษณ์ไปเมื่อตอนกลางวัน น้องเล่นโซเชียลน้อยลง น้องอ่านหนังสือเยอะขึ้น เมื่อเขาเจอแง่คิดดีๆ หรืออะไรที่พอจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า เขาอาการดีขึ้น ซึ่งมันก็ดีขึ้นจริงๆ เขาก็อยากที่จะแชร์และอยากที่จะบอกต่อว่า มันสามารถที่จะดีขึ้นได้นะ เรามีวิธีคิดแบบไหนยังไง นี่คือสิ่งที่เขาอยากบอกต่อ เวลาเขามีโปรเจกต์ พวกเราซับพอร์ตเสมอ"
อย่างล่าสุดมีการพูดถึงจดหมายลาตาย ได้เห็นไหม ?
นะโม : "พี่โมไม่ได้เห็น แต่พี่โมรับทราบมาเมื่อวานนี้ว่าได้มีการเขียนแบบนี้ แต่พี่ไม่เคยเห็น น้องไม่เคยเล่า คือเวลาที่เขามีความทุกข์อะไรแบบนี้เขาไม่ค่อยบอก ไม่ค่อยเล่าอย่างละเอียดเท่าไหร่ เพราะเขารู้เราเป็นห่วงเขา เราเป็นห่วงเขามาก ถ้าวันไหนเหมบอกนอนไม่หลับ พี่ต้องอยู่ด้วยตี 3 ตี 4 เพื่อที่จะเช็กว่านอนรึยัง เช้ามาพี่ต้องเช็กว่าตื่นหรือยัง เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นพี่เชื่อว่า เขารู้ว่าเรารักเขา เขาก็เลยไม่เอาเรื่องทุกข์ใจมาเล่า เขาก็เลยไม่บอกอะไร"
ได้ถามแฟนเขาไหมว่า เหมเขียนอะไรลงในจดหมายฉบับนั้น ?
นะโม : "ไม่ได้ถามเลย แฟนเขาก็อยู่ในสภาพที่ไม่ปกติ พี่โมก็ช็อกมากจริงๆ ในวินาทีที่น้องตัดสินใจไม่ไหวแล้ว พี่ยังนั่งรอน้องอยู่เลย"
กับแฟน เหม ได้บอกอะไรกับแฟนเขาไหมว่าไม่ไหวแล้ว ?
นะโม : "ไม่มีเลยค่ะ ไม่มีสัญญาณว่าเขาทะเลาะกับใคร ไม่มีเรื่องใดๆ เรื่องงานทุกอย่างดีมาก แล้วเรายังโทรคุยงานกับน้องอยู่เลย"
ณ วันนี้ อาการโรคซึมเศร้าเขาบรรเทาลงรึยัง ?
นะโม : "มีเรื่องนอนไม่หลับอย่างเดียว แต่เรื่องการยอมรับความจริงในเรื่องที่ผิดหวัง เขาก็ค่อนข้าง ที่เขาพูดกับพี่โมคือเขาเข้าใจ เขาก็ เหรอ... งานนี้ไม่ได้อีกแล้วเหรอ เขาก็อาจจะเสียใจ แต่เขากลับบอกพี่โมว่า ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเขาไปใหม่ ผมเข้าใจ คือเป็นอย่างนี้ตลอด คือพี่ถึงสบายใจว่าเขาดีขึ้น แต่มีอาการนอนไม่หลับ อาจจะมีเรื่องของความเครียด ก็แค่เป็นห่วงแค่นั้น ไม่อยากให้น้องทานยานอนหลับ"
ตอนที่เขาไปฟ้องร้องหมิ่นประมาทเรื่องบ้านเช่า ตอนนี้พี่นะโมทราบเรื่องคดีความไหม ?
นะโม : "พี่ทราบว่ามันมีการสืบพยาน ยังไม่สรุป มีการขึ้นศาลก่อน แต่ว่าพี่ไม่ทราบรายละเอียด"
นะโม : "เขาไม่เครียดนะคะ พี่คิดว่าไม่ใช่สาเหตุค่ะ แต่ว่าถ้าจะมีคือตรงที่เขากังวลมากกว่าว่า จากข่าวนี้จะสร้างผลกระทบให้พี่ๆ ทีมงานรึเปล่า เวลาที่ไปทำงานเขาจะถามว่า ข่าวเขามันมีผลกระทบไหม ซึ่งพี่ทีมงานบอกว่าไม่เกี่ยวกัน"
สภาพจิตใจของคุณพ่อคุณแม่เป็นยังไงบ้าง ?
นะโม : "ไม่ดีเลยค่ะ"
คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้เจอหน้าลูกชายเลย ?
นะโม : "ไม่ได้เจอเลยค่ะ ไม่ทราบเลย เขาไม่ได้บอกอะไรเลย พ่อก็เพิ่งทราบค่ะ คือเมื่อวานตอนที่พี่โมรู้ พี่ก็โทรหาคุณพ่อเลย พี่ก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่ามันจะจริง ก็น้องบอกว่ามาเลท ไม่ได้บอกว่าน้องไม่มา แค่นั้น พี่ก็โทรเช็กกับคุณพ่อ พี่ก็ไม่กล้าถามเนอะว่าเป็นยังไง เลยเริ่มประโยคไปแค่ว่า คุณพ่อติดต่อเหมได้ไหมคะ พ่อก็บอกว่าติดต่อไม่ได้ พี่ก็ถามไปอีกว่าพ่อรู้เรื่องเหมหรือยังคะ พ่อบอก รู้แล้ว น้องไม่อยู่กับเราแล้วใช่ไหมคะ พ่อก็บอกว่า น้องไม่อยู่กับเราแล้วโม พี่ถึงได้เชื่อว่ามันคือความจริง เลยบอกกับพ่อว่า เดี๋ยวไปหาน้องเดี๋ยวนี้เลย หรือเจอน้องแล้วบอกนะ พ่อเองก็ไม่ทราบ และไม่ได้มีสัญญาณมาก่อน พ่อเองก็ไม่ทราบ และไม่มีสัญญาณมาก่อน เพราะพ่อก็รับทราบว่า 4 โมงเย็น นัดคุยงานกับพี่โม และทีมเป็นโปรเจกต์เกี่ยวกับมวย ซึ่งเหมโทรไปหาคุณพ่อ เนื่องจากมีความรู้เฉพาะเกี่ยวกับเรื่องมวย ซึ่งพ่อก็รอฟังคำตอบ แต่สิ่งที่ได้ยินมันไม่ใช่"
เห็นว่าคุณแม่มีอาการเกี่ยวกับสุขภาพด้วย ?
นะโม : "ใช่ค่ะ เหมเป็นห่วงคุณแม่มาก เนื่องจากคุณแม่เป็นโรคหัวใจอ่อนๆ จริงๆ คุณพ่อคุณแม่ ตั้งใจจะออกจากมหาสารคามตอนตี 4 แต่ว่าออกมาไม่ได้เนื่องจากอาการของคุณแม่ยังไม่โอเค ก็เลยเพิ่งจะมาถึงตอนนี้ จริงๆ คุณพ่อคุณแม่ตั้งใจจะไปรับที่โรงพยาบาล แต่ว่ามาไม่ทัน"
เขาไม่ได้เจอกันนานไหม ?
นะโม : "ไม่นานค่ะ พี่ว่าไม่ถึงเดือน เพราะโดยปกติ เหม จะไปหาพ่อกับแม่ตลอด แล้วก็จะโทรหาบ่อยมาก เกือบทุกวัน เวลาเขามีปัญหาอะไร พ่อคือฮีโร่ สำหรับเขา"
ครอบครัวคือยังทำใจไม่ได้ ?
นะโม : "ทำใจไม่ได้จริงๆ"
อยากให้ฝากถึงคนที่ป่วยซึมเศร้า ?
นะโม : "พี่ไม่รู้ว่าจะแนะนำได้หรือเปล่า แต่สิ่งที่พี่ปฏิบัติกับเหมตลอดเวลา 2-3 ปี ที่ผ่านมา พี่ไม่ได้ดูแลเขาเป็นผู้ป่วย พี่ทำทุกอย่างเป็นปกติ แล้วก็ไม่ซ้ำเติม เวลาเขามีปัญหา แค่ฟังอย่างเดียว แล้วก็ให้กำลังใจ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราสู้กันไปนะ ไม่เคยขึ้นเสียงกับน้อง เป็นผู้ฟังที่ดี เขาแค่อยากได้คนฟัง เพื่อที่เขาจะระบายออกมาแค่นั้นเอง นั่นคือระยะเวลาที่พี่ทำตลอด 2 เกือบ 3 ปี"
เรื่องงานเป็นยังไงบ้าง ?
นะโม : "เรื่องละครไม่มีผล เนื่องจากปิดกล้องไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องใหม่ ลายกินรี เพิ่งฟิตติ้งไป อีกเรื่องก็รอฟิตติ้งอยู่ แล้วก็ยังมีรายการที่ถ่ายทำไปแล้ว รอออนแอร์อยู่ 2 รายการ"
มองการตัดสินใจของเหมในครั้งนี้ยังไง ?
ออม : "น้องเหนื่อยอ่ะค่ะ น้องสู้ไม่ไหวแล้ว (ร้องไห้) เราเคารพในการตัดสินใจของน้อง พวกเรารักน้อง สนิทกันมาก ไม่ว่าน้องทำอะไร เรามีหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ และซัพพอร์ต"
นะโม : "น้องพยายามอย่างที่สุดแล้ว ในการต่อสู้กับโรคซึมเศร้า แต่มันสู้ไม่ได้จริงๆ"
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ