ประยุทธ์ จันทร์โอชา เจอชาวเน็ตแฉ! ให้ข้อมูลบัตรทองมั่ว เหตุเพราะเสิร์ชมาอ่าน

พลาดเพราะ Google! โซเชียลแฉยับ รายการนายกฯ ให้ข้อมูลบัตรทองมั่ว เหตุเพราะเสิร์ชมาอ่าน

พลาดเพราะ Google! โซเชียลแฉยับ รายการนายกฯ ให้ข้อมูลบัตรทองมั่ว เหตุเพราะเสิร์ชมาอ่าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในระหว่างการนั่งสนทนาที่ Asia Society นครนิวยอร์ก ระหว่างเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 21 – 27 กันยายน ที่ระบุว่า “วันนี้อยากรู้อะไร ก็เปิดดูจากเว็บไซต์ Google อยากรู้เรื่องอะไร ก็กดชื่อท่านเข้าไป และมันก็ออกมา ใช่ม่ะ รู้จัก แดเนียล รอฟเฟล กดแดเนียล รอฟเฟล มันก็ออกมา ประวัติมีหมด ทุกเรื่อง อยากจะรู้เรื่องปลูกพืช เปิดหมด พวกเรานักบริหารจะเปิด Google เป็นส่วนใหญ่ ประชาชนจะไม่ค่อยเปิด นั่นแหละทำให้ปัญหามันเกิดขึ้น เพราะเขาไม่เรียนรู้ไง เพราะฉะนั้น การเรียนรู้จากอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์นั้น มีประโยชน์อย่างยิ่ง”

>> ประยุทธ์แสดงวิสัยทัศน์บนเวทีโลก บอกใช้ "กูเกิล” หาความรู้ แต่ประชาชนไม่ค่อยเปิด

ประเด็นดังกล่าวทำให้ชาวเน็ตออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างร้อนแรง พร้อมมีการขุดคุ้ยเรื่องราวที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยกล่าวในรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่ออกอากาศเมื่อคืนวันศุกร์ วันที่ 28 ก.ย. 2561 เกี่ยวกับเรื่อง โครงการ 30 ยังรักษาทุกโรคไม่สมบูรณ์ ซึ่งเพจ “Gossipสาสุข” ได้เคยโพสต์โต้แย้งเอาไว้ในวันที่ 29 ก.ย. 2561 ว่าข้อมูลของนายกฯนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเสิร์ชหามาจากอินเตอร์เน็ต โดยไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องก่อน

โดยเนื้อหาระบุว่า “อึ้ง ทีมงาน พล.อ.ประยุทธ์ เสิร์ชกูเกิลหา “ข้อเสียของบัตรทอง” เอาไปพูดในรายการวันศุกร์ แต่ข้อมูลกลับมั่วทั้งหมด” ระบุว่า น่าสนใจก็ตรงที่ว่า ข้อมูลดังกล่าวแทบจะเป็นข้อมูลที่ “มั่ว” ทั้งหมด ซึ่ง Gossip สาสุข พยายามสืบหาว่า “ต้นทาง” มาจากไหน

จนไปพบว่า ข้อมูลเหล่านี้อ้างอิงจากเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่งานวิชาการ ไม่ใช่งานวิจัย ไม่ใช่แม้แต่ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอย่างสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แต่เป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ “ขายยา” และให้คำแนะนำด้านสุขภาพออนไลน์ ซึ่งจะขึ้นมาเป็นเว็บแรก หากเสิร์ชใน GOOGLE ว่า “ข้อเสียของบัตรทอง”

สันนิษฐานได้ว่าเมื่อทีมงานของหัวหน้าคสช. เจอข้อมูลในเว็บ ก็ดึงมาทำสคริปต์ทันที ไม่ได้ตรวจทานข้อมูล ว่าจริงเท็จแค่ไหน เรื่องยิ่งมั่วไปกว่านั้นก็ตรงที่พอได้รับข้อมูลมาไม่ได้มีการตรวจสอบข้อมูลและความถูกต้องใดๆ ก่อนจะออกอากาศในรายการซึ่งเผยแพร่ในทีวี-วิทยุทุกช่อง

ทีมงาน Gossip สาสุข ถือโอกาสนี้ชี้แจงข้อมูลที่อ่านออกรายการ ในแต่ละข้อ

1.ระบบ “30 บาท” ไม่ได้รักษาได้เฉพาะโรงพยาบาลรัฐเท่านั้น – ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เกิดขึ้นโดยมีแนวคิดให้ประชาชนสามารถเข้ารับการรักษาได้ในหน่วยบริการที่ใกล้ที่สุด โดยสำนักงานหลักหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เหมาจ่ายลงไปยังทั้งโรงพยาบาลรัฐ และเอกชน เพื่อดูแลผู้ใช้สิทธิ์บัตรทอง

เรื่องนี้ในต่างจังหวัดจะมีปัญหาน้อยกว่าในกรุงเทพฯ เพราะในเขตภูมิภาคมีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล โรงพยาบาลอำเภอ และโรงพยาบาลจังหวัดค่อนข้างครบ ต่างจากในกรุงเทพฯ โดยในกรุงเทพฯ สปสช. พยายามดึงโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งเข้ามาช่วยบริการในระบบ เช่น โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์ ฯลฯ ตลอดจนคลินิกเอกชนในชื่อของคลินิกชุมชนอบอุ่น

โรงพยาบาลเอกชนอาจหายไปบ้างจากระบบ เนื่องจากเม็ดเงินในระบบไม่พอ แต่ก็ไม่ได้ใช้ได้แต่ “โรงพยาบาลรัฐ”อย่างเดียว อย่างที่พล.อ.ประยุทธ์พูดแน่นอน

ล่าสุด ตัวเลขหน่วยบริการที่ขึ้นในระบบบัตรทอง มีทั้งสิ้น 12,109 แห่ง มีหน่วยบริการเอกชนถึง 509 แห่ง นอกนั้นเป็นหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (รัฐ) 11,054 แห่ง หน่วยบริการรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 134 แห่ง หน่วยบริการรัฐสังกัด กทม.เทศบาลเมือง และเมืองพัทยา 22 แห่ง และหน่วยงานรัฐสังกัดองค์กรปกครองท้องถิ่น 390 แห่ง

2.ไม่คุ้มครองการรักษาเกินความจำเป็นพื้นฐาน- พล.อ.ประยุทธ์ยกตัวอย่างในรายการว่า ปัจจุบัน “30 บาท” ไม่คุ้มครองการผสมเทียมเพื่อมีบุตร การรักษากรณีมีบุตรยาก การผ่าตัดแปลงเพศ

แน่นอนว่านี่คือข้อเท็จจริง เพราะการรักษาเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูง และไม่ได้เป็นเรื่องของการดูแลรักษาสุขภาพขั้นพื้นฐาน น่าเสียดายที่หัวหน้าคสช. ไม่ได้บอกว่าควรแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร หรือหาก พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นรัฐบาลต่อ อาจเพิ่มการทำกิฟต์ หรือผ่าตัดแปลงเพศ ไปอยู่ในระบบบัตรทอง?

3.ไม่คุ้มครองการรักษาที่มีงบจัดสรรเฉพาะ เช่น อาการป่วยทางจิต – ปัจจุบันระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้ตั้งงบเพื่อการบริการผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังในชุมชน แยกออกจากงบเหมาจ่ายรายหัว และมีการรักษาผู้ป่วยจิตเวชเรื่อยมานับตั้งแต่มีนโยบายนี้

บำบัดผู้ติดยาเสพติด– หากผู้ติดยาเสพติดมีสิทธิบัตรทอง และต้องการเข้ารับการบำบัดการรักษา สามารถใช้บริการในโรงพยาบาลรัฐได้

ผู้ประสบอุบัติเหตุทางรถ– แน่นอนว่าต้องใช้สิทธิ์ตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ก่อนเป็นอันดับแรก แต่หลังจากนั้นก็สามารถใช้สิทธิบัตรทองได้ตามปกติ

4.ไม่คุ้มครองกรณีโรคเรื้อรัง– ข้อนี้คือสาระสำคัญที่ผิดมหันต์ ปัจจุบันหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครอบคลุมโรคเรื้อรัง มีกองทุนเฉพาะทั้งโรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง รวมถึงโรคไต สปสช.ก็สนับสนุนให้มีการล้างไตทางช่องท้อง โดยแนวทางการรักษาแต่ละโรคเรื้อรัง ก็มีราชวิทยาลัยแพทย์ฯ เป็นผู้กำหนดแนวทางการรักษา และตรวจสอบมาตรฐาน-คุณภาพ การรักษาอย่างใกล้ชิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook