สงครามเย็น ศึกโลกเสรี-พันธมิตรอดีตโซเวียต ที่ไม่เคยสิ้นสุด แม้ปี 2019 ยังระอุลึกรอวันระเบิด

สงครามเย็น ศึกโลกเสรี-พันธมิตรอดีตโซเวียต ที่ไม่เคยสิ้นสุด แม้ปี 2019 ยังระอุลึกรอวันระเบิด

สงครามเย็น ศึกโลกเสรี-พันธมิตรอดีตโซเวียต ที่ไม่เคยสิ้นสุด แม้ปี 2019 ยังระอุลึกรอวันระเบิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

โดยทั่วไปแล้ว สงครามเย็นมีอายุ 46 ปี คือช่วงระหว่างพ.ศ. 2488 - 2534 สงครามเย็นคือสงครามที่สองอภิมหาอำนาจ คือ สหรัฐอเมริกา กับ สหภาพโซเวียต ต่อสู้กันแบบเน้นสงครามจิตวิทยา

สงครามจิตวิทยา หรือ sychological warfare - คือ การสงครามที่ใช้วิธีการทางด้านจิตวิทยาที่มุ่งเน้นต่อความคิดและความเชื่อของบุคคลและกลุ่มบุคคล โดยอาศัยการโฆษณาชวนเชื่อและการร่วมทำกิจกรรมทางจิตวิทยา สงครามจิตวิทยาดำเนินอยู่ตลอดเวลาทั้งในยามสงบและยามสงครามทั้งฝ่ายข้าศึกและฝ่ายเดียวกัน รวมถึงฝ่ายเป็นกลางอีกด้วย ทั้งในด้านการเมืองและการทหาร ในระดับยุทธศาสตร์ และระดับยุทธวิธี

การต่อสู้ดังกล่าว เกิดขึ้นจากอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน โดยทั้ง 2 ประเทศมหาอำนาจ แข่งขันกันหาพันธมิตรร่วมอุดมการณ์ การสะสมอาวุธ การแสวงหาความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี และด้านเศรษฐกิจ

แม้ทั้ง 2 ประเทศจะไม่ได้ทำสงครามที่สู้รบกันโดยตรงโดยใช้อาวุธเข้าห้ำหั่นกันเนื่องจากต่างฝ่ายก็มีอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งอาจจะทำลายล้างโลกได้ แต่ก็เกิดสงครามตัวแทนขึ้น อาทิ สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม สงครามอัฟกานิสถาน ภายหลังสงครามเย็นจบลง พร้อมกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ในปี พ.ศ. 2534

หลังจากสหรัฐอเมริกาดำรงความเป็นอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวในโลกหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตได้ 28 ปี ก็มีประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจใหม่มีพลังทางเศรษฐกิจเป็นอันดับสองของโลก และรัสเซียผู้สืบสิทธิของสหภาพโซเวียตก็เข้มแข็งขึ้นตามลำดับโดยทั้งจีนและรัสเซียได้จับมือกันก่อตั้งองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) ซึ่งเป็นองค์ที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับองค์การนาโต

ทั้งนี้ความยิ่งใหญ่และความเข้มแข็งขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ก็จัดว่าพอฟัดพอเหวี่ยงกับองค์การนาโตเลยทีเดียว เนื่องสมาชิกขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้มีสมาชิก 8 ประเทศ ประกอบด้วย

  1. จีน (มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลกมีกำลังทหารประจำการในกองทัพมากที่สุดในโลกและมีอาวุธนิวเคลียร์ประจำการ)
  2. รัสเซีย อดีตอภิมหาอำนาจซึ่งยังเป็นเจ้าของอาวุธนิวเคลียร์มากที่สุดในโลก (มากกว่าสหรัฐอเมริกา)
  3. อินดีย (ประเทศที่มีประชากรอันดับสองของโลกและมีอาวุธนิวเคลียร์)
  4. ปากีสถาน (มีประชากร มากเป็นอันดับ 6 ของโลก และเป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามใหญ่เป็นอันดับ 2 และเป็นสมาชิกที่สำคัญขององค์การความร่วมมืออิสลาม และเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง)

    และประเทศที่มีชื่อลงท้ายด้วยสถานอีก 4 ประเทศซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียกลางติดต่อกับจีนและรัสเซียได้แก่
  5. คาซัคสถาน
  6. คีร์กีซสถาน
  7. ทาจิกิสถาน
  8. และอุซเบกิสถาน

โดยทั้งสี่ประเทศนี้ตั้งอยู่บนจุดยุทธศาสตร์ที่เชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียและยุโรป

ดังนั้นสถานการณ์ของโลกปัจจุบันกำลังหมุนกลับเข้าสู่สถานะของสงครามเย็นอีกด้วยการแบ่งโลกออกเป็น 2 ขั้วนำโดยสหรัฐอเมริกาและองค์การนาโตฝ่ายหนึ่ง และอีกฝ่ายหนึ่งคือจีนและรัสเซียกับองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ และขณะนี้สหรัฐอเมริกากำลังทำสงครามการค้ากับจีนอย่างถึงพริกถึงขิง

ส่วนในยกใหม่ของสงครามเย็นนั้นอยู่ที่ภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งมีตัวผู้แสดงหลักที่ขัดแย้งกันอย่างหนักคือ ซาอุดีอาระเบีย กับ อิหร่าน ซึ่งสหรัฐอเมริกาเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นกับซาอุดีอาระเบีย เนื่องจากซาอุดีอาระเบียขึ้นอยู่กับสหรัฐอเมริกาทุกอย่าง ทั้งด้านการทหาร และการป้องกันการโจมตีจากศัตรูภายนอก ซึ่งหมายถึงอิหร่านนั่นเอง

การขายอาวุธของสหรัฐอเมริกานั้นทั้งหมดประมาณ 10% ขายให้กับซาอุดีอาระเบีย และในปี พ.ศ. 2560 นายจาเร็ด คุชเนอร์ ที่ปรึกษาพิเศษและลูกเขยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เจรจาให้ซาอุดีอาระเบียซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกา รวมทั้ง ระบบป้องกันการโจมตีจากทางอากาศทั้งระบบทันที 110,000 ล้านดอลลาร์ และมีข้อผูกพันที่ซาอุดีอาระเบียต้องซื้ออาวุธจากสหรัฐอเมริกาอีกในช่วง 10 ปีต่อไป อีกเป็นเงิน 350,000 ล้านดอลลาร์

ปรากฏว่าเมื่อวันเสาร์ ที่ 14 กันยายนที่ผ่านมานี้ซาอุดีอาระเบียถูกโดรน 10 ลำของกบฏฮูธิจากเยเมนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันและบ่อน้ำมันของซาอุฯ จนทำให้การผลิตน้ำมันของซาอุฯ ลดลงครึ่งหนึ่งทันที โดยโดรนแต่ละลำนั้นราตาไม่ถึง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐเทียบกับเครื่องบิน เอฟ-35 ที่ซาอุฯซื้อจากสหรัฐลำหนึ่งราคา 122 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ก.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย เสนอขายระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านอากาศยาน เอส-400 ตรีอุมฟ์ ที่หนังสือพิมพ์ The Economist ของอังกฤษอธิบายไว้ว่า เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยมีการผลิตมาให้แก่ซาอุดีอาระเบียโดยอ้างว่าแม้แต่ตุรกีซึ่งเป็นสมาชิกขององค์การนาโตยังซื้อจากรัสเซีย ซึ่งทั้งระบบราคาถูกกว่าระบบป้องกันต่อต้านอากาศยานของสหรัฐอเมริกามากมาย

ครับ ! สงครามเย็นยุคใหม่ ยกใหม่เกิดขึ้นจริง ๆ แล้วครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook