หมาหอนเป็นลาง ที่แท้หนุ่มสันโดษกลางทุ่ง ตายลำพังเป็นซากในกระท่อม
เสียงหมาเห่าหอนติดต่อกัน 3 สัปดาห์ ชาวบ้านสงสัยเป็นลางสังหรณ์ ที่แท้เป็นพบหนุ่มใหญ่ตายในกระท่องกลางทุ่ง เป็นโรคช็อกตายแต่ไม่มีใครรู้
(2 ต.ค.) พ.ต.ท.ชัยรัตน์ ถนอมสุข รองผกก.สอบสวน สภ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งพบผู้เสียชีวิตอยู่ในกระท่อมกลางทุ่งนา ม.7 ต.บ่อโพง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย แพทย์เวร โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราช และเจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์
จุดเกิดเหตุบริเวณกระท่อมกลางทุ่งนา ห่างจากชุมชนประมาณ 300 เมตร ทางเดินเข้าไปต้องลัดเลาะไปตามคันทุ่งนาและป่าละเมาะ ภายในกระท่อมพบศพ นายอ่อน อายุ 45 ปี สภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดสีน้ำตา กางขายาวสีดำ สภาพศพเน่าเปื่อยจนแห้ง ศีรษะหลุดออกจากตัว คาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 สัปดาห์
จากการตรวจสอบพบภายในกระท่อม พบเศษขวดพลาสติก ข้าวของที่กองเอาไว้จำนวนมาก ใกล้กันพบมุ้งแบบครอบยังกางอยู่ บริเวณโดยรอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้ายแต่อย่างใด
นายปัญญา อายุ 42 ปี ชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับกระท่อมหลังดังกล่าว เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตเดิมทำงานและมีครอบครัวอยู่ใน จ.สมุทรปราการ แต่หลังจากแยกทางกับภรรยาก็มาอาศัยอยู่ใน อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ประมาณ 10 ปีแล้ว โดยทำงานรับจ้างทั่วไป โดยเข้ามาอาศัยอยู่ที่กระท่อมหลังนี้ได้ประมาณ 2 ปีเศษ ใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ไม่มีญาติ พอเลิกงานกลับเข้ากระท่อม
แต่ระยะหลังๆ พบว่ามีอาการป่วย ต้องคอยเตือนให้ไปหาหมออยู่บ่อยๆ กระทั่งล่าสุดไม่พบเห็นออกมาจากกระท่อมหลายวันแล้ว อีกทั้งช่วงระยะหลายวันที่ผ่านมา สุนัขละแวกหมู่บ้านมักจะส่งเสียงเห่าหอนช่วงกลางดึกเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงเวลา 02.00 น. ของทุกคืน ทำให้ตนคิดในใจว่าเป็นลางแจ้งเหตุมีตายในหมู่บ้านหรือไม่
กระทั่งในวันนี้ ตนจึงตัดสินใจเดินเข้าไปตรวจสอบและตามหา นายอ่อน ที่กระท่อม กระทั่งมาพบว่า นายอ่อน เสียชีวิตไปแล้วอยู่ในกระท่อม
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตน่าจะมีอาการป่วย แล้วเกิดเป็นลมหรือหัวใจวายเฉียบพลัน แต่ไม่มีใครพบเห็น เพราะอยู่ห่างไกลจากชุมชน ทำให้เสียชีวิตอยู่เช่นนั้นหลายวัน หลังจากนี้จะต้องส่งผู้เสียชีวิตไปทำการชันสูตรเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี พร้อมกับติดตามหาญาติให้มารับศพไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป