หนุ่มไทยโดนจับคาด่าน แอบขนโคเคนเข้าญี่ปุ่น สะดุดตาเพราะเสื้อกันหนาว

หนุ่มไทยโดนจับคาด่าน แอบขนโคเคนเข้าญี่ปุ่น สะดุดตาเพราะเสื้อกันหนาว

หนุ่มไทยโดนจับคาด่าน แอบขนโคเคนเข้าญี่ปุ่น สะดุดตาเพราะเสื้อกันหนาว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจญี่ปุ่นควบคุมตัวชายหนุ่มชาวไทย แอบลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศได้ล็อตใหญ่ เนื่องจากมีพฤติกรรมเป็นที่สะดุดตา ใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาทั้งที่อากาศยังไม่หนาวเย็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจญี่ปุ่นควบคุมตัวชายหนุ่มชาวไทย แอบลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศได้ล็อตใหญ่ มูลค่ากว่า 65 ล้านเยน เนื่องจากมีพฤติกรรมเป็นที่สะดุดตา ใส่เสื้อกันหนาวตัวหนาทั้งที่อากาศยังไม่หนาวเย็นมาก เบื้องต้นให้การยอมรับสารภาพว่าถูกจ้างมา

เพจเฟซบุ๊ก อัพเดทญี่ปุ่น โดย ต้มยำวาซาบิ ได้โพสต์เรื่องราวที่กลายเป็นข่าวตามหน้าสื่อทั่วประเทศญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวชายหนุ่มชาวไทยที่แฝงตัวเข้าประเทศในฐานะนักท่องเที่ยว แต่ปรากฏว่าจับผิดได้ว่าหนุ่มไทยคนนี้รับจ้างขนยาเสพติดเข้าญี่ปุ่น มูลค่ากว่า 65 ล้านเยน ด้วยการแลกค่าจ้างเป็นเงินไม่กี่หมื่นบาท

เหตุดังกล่าวกลายเป็นข่าวคึกโครมที่ได้รับความสนใจสื่อชั้นนำของญี่ปุ่น เมื่อวานนี้ (2 ต.ค.) ตามรายงานระบุว่า ชายหนุ่มชาวไทยวัย 27 ปี ถูกจับกุมตัวได้ที่สนามบินคันไซ นครโอซากา พร้อมกับตรวจค้นพบยาเสพติดประเภทโคเคน น้ำหนักรวม 3.2 กิโลกรัม ที่ซุกซ่อนอยู่ในเสื้อกันหนาว 4 ตัว

ทั้งนี้ โคเคนปริมาณ 3.2 กิโลกรัมที่ตรวจพบครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 65.3 ล้านเยน หรือราวๆ 19 ล้านบาท นับเป็นการตรวจยึดขบวนการขนยาเสพติดเข้าประเทศที่ได้ของกลางปริมาณมากอีกครั้งหนึ่งในรอบปีนี้ โดยมีคนไทยตกเป็นผู้ต้องหาเป็นตัวกลางในการขนยาเสพติด

เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า ชายไทยคนดังกล่าวมีท่าทีที่น่าสงสัย เนื่องจากเขาสวมใส่เสื้อกันหนาวเข้าประเทศแบบผิดปกติ ทั้งที่สภาพอากาศในช่วงนี้ของญี่ปุ่นเพิ่งเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง และตอนกลางวันอุณหภูมิโดยทั่วไปยังค่อนข้างอุ่นอยู่ ไม่ถึงขนาดต้องสวมใส่เสื้อกันหนาว ทำให้เขากลายเป็นสะดุดตาของเจ้าหน้าที่ในทันที

อย่างไรก็ตาม ชายไทยคนดังกล่าวได้รับให้การรับสารภาพแต่โดยดี โดยยอมรับว่าบินต่อมาจากประเทศเนปาล ก่อนจะมาผู้หญิงคนหนึ่งฝากให้ขนของมาส่งที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อแลกกับค่าจ้างประมาณ 20,000 บาท ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าข้างในเสื้อนั้นเป็นยาเสพติดซุกซ่อนอยู่ กระทั่งถูกจับกุมคาด่านได้ในที่สุด

สำหรับกรณีดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่คนไทยอีกครั้ง เนื่องจากพฤติกรรมอาชญากรรมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวของกลุ่มนักเดินทางชาวไทยโดยตรง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นค่อนข้างเพ่งเล็งและยกระดับการตรวจสอบชาวไทยในการเข้าประเทศญี่ปุ่นเป็นพิเศษ เนื่องจากในรอบปีที่ผ่านมามีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook