"ไฮโซบี" แจ้งข้อหาบุกรุก "พลเรือเอก" พร้อมลูกสมุน ลั่นใช้ความจริงสู้อิทธิพล
(11 ต.ค.62) เมื่อเวลา 14.00 น. น.ส.พิมพ์นรี โหตะไวทยากร หรือ ไฮโซบี พร้อมทนายความส่วนตัวและ นายธนัช เกตุมงคล บิดา เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สมชาย อรภักดี รองผกก.สส.สภ.บางศรีเมือง เพื่อให้ดำเนินคดีกับ อดีตนายทหารชื่อดังยศพลเรือเอก พร้อมสมุนบริวารในข้อหา "บุกรุก" โดยได้นำภาพถ่ายหลักฐานเป็นภาพอดีตทหารพร้อมกับลูกน้อง บุกเข้ามาในบ้านทำการเปลี่ยนลูกกุญแจรอบบ้านมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยทาง พ.ต.ท.สมชาย ได้สอบปากคำ น.ส.พิมพ์นรี นานกว่าหนึ่งชั่วโมงเพื่อประกอบสำนวนในการดำเนินคดี
>> ลูกสาวร้านเพชร หอบโฉนดร้องสื่อ "อดีตแฟนแม่" ส่งชายฉกรรจ์บุกยึดบ้าน-ที่ดิน 40 ล้าน
จากนั้น พ.ต.ท.สมชาย พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ น.ส.พิมพ์นรี นายธนัช และทนายความส่วนตัว ได้เดินทางไปที่บ้านของตนเองในซอยวัดบางกร่าง เพื่อตรวจสอบและพบว่าไม่สามารถเข้าไปในบ้านตัวเองได้ เนื่องจาก พลเรือเอกได้ให้ลูกน้องเปลี่ยนกุญแจหมดทั้งบ้านแล้ว ทาง น.ส.พิมพ์นรี และบิดารวมทั้งทนายความจึงเตรียมเรียกช่างกุญแจมาเปิดประตูบ้านแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอร้องไว้ในเบิ้องต้น เพราะเกรงจะเป็นการแจ้งกันไปแจ้งกันมาทั้งสองฝ่ายได้
ทั้งหมดจึงปรึกษากันว่าจะรอใบคำสั่งทุเลาจากศาลออกมาก่อนค่อยดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งนายธนัชเองบอกว่ารู้สึกสงสารลูกสาวบ้านตัวเองแท้ๆ ยังเข้าไปไม่ได้ โดยในวันนี้พบว่าคนในบ้านที่เคยมีอยู่หลายสิบคนต่างพากันขนย้ายออกไปมีเพียงชายหัวโล้นออกมา และกล่าวสั้นๆ ว่าไม่มีคนอยู่ในบ้าน มีเพียงตนเองที่มารับจ้างเฝ้าบ้านเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบวงจรปิดหลายตัวที่พลเรือเอกติดตั้งไว้ตามเสาไฟฟ้าถูกถอดออกไปหลายจุด หลังตกเป็นข่าว
ทางด้าน น.ส.พิมพ์นรี ได้นำคำสั่งศาลชั้นต้นมา เปิดเผยกับสื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่า คำพิพากษาของศาลระบุชัดเจนว่าให้ พลเรือเอก มีกรรมสิทธิ์ร่วมในโฉนดที่ดิน แต่ไม่ได้หมายความว่าเขามีกรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว และในเมื่อมีกรรมสิทธิ์ร่วมในโฉนดที่ดิน แต่คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด เพราะฉะนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะพาบุคคลอื่นเข้ามาบุกรุกในบ้านของตนเอง อีกทั้งยังขับไล่คนในบ้านของตนออกมาอีก และที่สำคัญไม่ได้มีเจ้าหน้าที่บังคับคดีมาด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย
วันนี้ตนพร้อมด้วยคุณพ่อและทนายจึงเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางศรีเมือง จ.นนทบุรี ในข้อหาบุกรุก และ ทำให้เสียทรัพย์ โดยจะเเจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เข้าไปในบ้านของตนวันนั้นทุกคน ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ทั้งหมด ส่วนป้ายชื่อของนายพลคนดังกล่าวที่ติดอยู่ที่หน้าบ้านนั้น ตนคิดว่าน่าจะเตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะหลังจากที่คนในบ้านถูกขับไล่ออกมา ก็มีการนำป้ายมาติดเลย ซึ่งตอนนี้คดียังอยู่ในชั้นศาลอุทธรณ์บุคคลกลุ่มนี้จึงไม่มีสิทธิ์บุกเข้ามาโดยพลการแบบนี้ เพราะโฉนดและทะเบียนบ้านเป็นชื่อของตนโดยถูกต้องตามกฎหมาย
แต่ถ้าหากท่านนายพลจะฟ้องกลับตนนั้น ตนก็ขอให้สังคมและความจริงเป็นผู้ตัดสินดีกว่า เพราะเอกสารและหลักฐานทุกอย่างเรามีพร้อม ซึ่งตนเชื่อมั่นในกระบวนยุติธรรม ว่าจะให้ความยุติธรรมกับครอบครัวของตน น.ส.พิมพ์นรี ยังกล่าวต่ออีกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง ตนพร้อมครอบครัว ต้องไปนอนที่ร้านเพชรย่านบ้านหม้อ ตอนนี้ไม่รู้ว่าทรัพย์สินในบ้านได้รับความเสียหายหรือไม่อย่างไร อีกทั้งเป็นห่วงสุนัขบางแก้วอีก 7 ตัว ว่าจะมีใครให้อาหารหรือเปล่า การเข้ามาบ้านตนแบบนี้ต้องมาพร้อมเจ้าพนักงานบังคับคดีตามคำสั่งศาลแต่เขากับเข้ามาโดยนำชายฉกรรจ์มายึดครองบ้านตนเอง เริ่องคดีก็ให้ไปว่ากันสู้กันที่ศาล ทำแบบนี้ตนเองและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนมากขอความเป็นธรรมจากสังคมด้วยเพราะเขาเป็นอดีตนายทหารที่โด่งดังบารมีมากมาย