ไฮโซบี ลั่นไม่ยอมเสียบ้าน 40 ล้าน แฉ "บิ๊กทหารเรือ" ทำแบบนี้กับผู้หญิงอีกหลายคน
จากกรณีที่ "น.ส.พิมพ์นรี" หรือ "ไฮโซบี" เจ้าของร้านเพชรแห่งหนึ่ง เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีชายฉกรรจ์หลายสิบนายมาบุกบ้านซึ่งตอนนั้นตนไม่อยู่บ้าน แม่บ้านจึงเปิดบ้านให้ จากนั้นชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวก็เปลี่ยนลูกกุญแจบ้านทั้งหมด จนตนเองและน้องสาวเข้าบ้านไม่ได้ และกลายเป็นประเด็นเรื่องแย่งชิงกรรมสิทธิ์บ้านหรูมูลค่ากว่า 40 ล้าน กับ "พล.ร.อ.ชื่อดัง"
>> ลูกสาวร้านเพชร หอบโฉนดร้องสื่อ "อดีตแฟนแม่" ส่งชายฉกรรจ์บุกยึดบ้าน-ที่ดิน 40 ล้าน
>> "ไฮโซบี" แจ้งข้อหาบุกรุก "พลเรือเอก" พร้อมลูกสมุน ลั่นใช้ความจริงสู้อิทธิพล
ล่าสุดรายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.50 น. ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22 วันนี้ (14 ต.ค.) พิธีกรสาว "ดร.บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี" ได้เปิดใจสัมภาษณ์ ไฮโซบี ซึ่งมาพร้อม "ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์" และโฟนอินสัมภาษณ์พ่อของไฮโซบีด้วย
ความสัมพันธ์ของคุณแม่กับนายทหารท่านนั้นเริ่มได้ยังไง?
บี : "อย่างแรกเลยทหารท่านนี้เป็นเพื่อนกับคุณลุง ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของคุณแม่ มีการแนะนำให้รู้จักกับที่บ้าน ตอนนั้นบียังเด็ก จำปี พ.ศ.ชัดๆ ไม่ได้ แต่น่าจะประมาณ 41 หรือช่วงนั้น"
ตอนนั้นคุณแม่เลิกกับคุณพ่อหรือยัง?
บี : "ยังไม่เลิกค่ะ คุณแม่เลิกกับคุณพ่อหลังจากนั้นไม่นาน มีการไปมาหาสู่สนิทสนม แตไม่ได้มาอยู่จริงจังค่ะ"
ตกลงสถานภาพความสัมพันธ์ระดับไหน แฟน เพื่อน กิ๊ก คนรู้ใจ?
บี : "ต้องแจ้งว่าทางโน้นก็มีภรรยาที่มีทะเบียนสมรส ยังไม่ได้เลิกค่ะ ถ้าเรียกว่าเป็นความสัมพันธ์ ก็ค่อนข้างสนิทเกินเพื่อน"
ในฐานะลูก เคยมีคุยหรือถามคุณแม่มั้ย?
บี : "เราก็รักคุณแม่ ไม่ได้ไปว่าอะไร เราก็ยังเด็กด้วย"
แต่ไม่เกี่ยวกับเหตุต้องหย่ากับคุณพ่อ?
บี : "คิดว่ามีส่วนค่ะ เราโตไม่มาก แต่พอทราบระดับหนึ่ง"
คุณเรียกนายทหารท่านนั้นว่ายังไง?
บี : "เรียกว่าคุณลุง แต่อีกฝ่ายอยากให้เรียกว่าพ่อ บางทีก็เรียก แต่ถ้าไม่ได้ตั้งใจก็เรียกคุณลุง เราก็ทราบว่าเขาไม่ใช่คุณพ่อ"
แล้วคบกันยังไง รักกันหรือผลประโยชน์?
บี : "ที่จำได้ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนโต จนถึงปัจจุบัน คุณแม่พยายามเลิกหลายครั้ง เพราะมาทราบว่ายังมีทะเบียนอยู่ ผู้หญิงไม่มีใครอยากอยู่ในสถานการณ์แบบนี้"
ทนายเดชา ในทางกฎหมายเรียกความสัมพันธ์แบบนี้ว่ายังไง?
ทนายเดชา : "ก็เป็นสามีภรรยาโดยนิตินัย"
แม้มีทะเบียนสมรสอีกบ้าน เรียกภรรยาได้?
ทนายเดชา : "ได้ครับ เขาเรียกภรรยาตามความเป็นจริง ถือเป็นผัวเมียไม่จดทะเบียนสมรส ซึ่งกฎหมายไม่รับรองสถานะ แต่กฎหมายรับรองความสัมพันธ์ในเชิงทรัพย์สิน"
คบกันนานแค่ไหน มีเลิกหรือพยายามเลิกแต่ไม่ได้เลิก?
บี : "มีหลายช่วงที่ขาดการติดต่อไป แต่อีกฝ่ายก็พยายามกลับเข้ามาโดยตลอด"
คุณห้าม มีกีดกันมั้ย?
บี : "เรื่องนี้เป็นเรื่องผู้ใหญ่ เราเป็นลูก มีการปรึกษากันบ้าง"
จุดแตกหักที่ยอมเลิก?
บี : "เรียกว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับตัวบีและน้องสาว เพราะเราเป็นผู้หญิง พูดแค่นี้ก็คงจะเข้าใจ"
มีถูกเนื้อตัองตัว?
บี : "ก็...(เงียบ)"
แจ้งความได้มั้ย?
ทนายเดชา : "ได้ครับ ถือว่าอนาจารถ้าแตะเนื้อต้องตัวนะ ภาษากฎหมายเขาเรียกว่ามีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม"
ตอนนั้นทำไมไม่แจ้งความ?
บี : "เราไม่ได้รู้เรื่องราว แค่คิดว่าต้องการความปลอดภัยระหว่างตัวบีกับน้องสาว ก็แจ้งคุณแม่ คุณแม่ก็ยุติทุกอย่าง เราก็คิดว่าเพียงพอและปลอดภัยแล้ว"
คุณแม่เชื่อและยอมเลิก ตอนนั้นปีไหน?
บี : "58 ค่ะ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ติดต่อเข้ามาอีกเลยค่ะ"
ถือว่าความสัมพันธ์ยังมีอยู่มั้ย?
ทนายเดชา : "ก็ถือว่ามีความสัมพันธ์เป็นผัวเมียกันอยู่ ก็เลิกฝ่ายเดียวอีกฝ่ายไม่ยอมเลิก"
กฎหมายตามใจผู้ชายเหรอ?
ทนายเดชา : "ก็ความจริงเป็นอย่างนั้น เลยเป็นที่มาของการฟ้องขอแบ่งทรัพย์สิน มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเลิก คดีนี้อย่าไปหลงทาง ที่เขาฟ้อง เขาเป็นผัวเมียไม่จดทะเบียนกับคนตาย ที่ผ่านมาเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นผัวเมียกัน หรือมีเงินมีอะไรเข้าไปเกี่ยวข้อง"
บ้านใครซื้อ?
บี : "คุณแม่คนเดียวค่ะ ตอนคุณแม่ซื้อบ้านเขารู้จักกันแล้วค่ะ"
เคยถามที่บ้านมั้ยเงินใคร?
บี : "ไม่เคยบอกค่ะ อย่างที่บอกเราสนิทเป็นเลขาคุณแม่ การเงินทุกอย่างทราบหมด เราเห็นในบัญชีทุกอย่างในการสั่งจ่ายออกทุกอย่าง"
ทำไมทางนั้นอ้างว่ามีเงินเขาส่วนหนึ่งด้วย?
บี : "ก็ไม่ทราบค่ะ"
ได้ดูหลักฐานตอนฟ้องศาลมั้ย?
บี : "ได้ดูค่ะ ไม่มีหลักฐานทางการเงินค่ะ"
แล้วจะไปอ้างได้เหรอ?
ทนายเดชา : "ผัวเมียอยู่ด้วยกันมีลูกมีเต้า ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ถึงแม้เมียเป็นแม่บ้าน ผัวเป็นคนหาเงินฝ่ายเดียว ศาลยังให้แบ่งครึ่งเลย มีคำพิพากษาฎีกามาเลยนะ การนำสืบก็อาจนำสืบเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ก็เป็นไปได้ที่เขาจะไปวางรูปคดีแล้วฟ้อง"
โทรหาคุณพ่อคุณบี คุณพ่อธนัช คุณพ่อเลิกคุณแม่คุณบีเพราะนายทหารท่านนั้นหรือเปล่า?
ธนัช : "ก็มีส่วนครับ"
การดูแลลูก เป็นความสัมพันธ์แบบไหน?
ธนัช : "ก่อนอดีตภรรยาจะเสียชีวิต ข่าวว่าป่วยหนักเมื่อเดือน ก.ค. 2560 ผมก็ไปเยี่ยมและได้เจอกัน สิ่งแรกที่เขาขอร้องผมคือให้ผมกลับมาอยู่กับเขา และช่วยดูแลบ้านที่เขาสร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง เขารัก และให้ผมช่วยดูแลลูกต่อ เขาสั่งเสียแบบนี้"
หลังจากนั้นทางนั้นมีการฟ้องศาล?
ธนัช : "หลัง ก.ค. 60 อยู่ รพ. ผมต้องถึง รพ. เวลา 8 โมง จะอยู่เฝ้าเขาถึงประมาณ 5 ทุ่มจะกลับบ้าน เขาขอร้องผมให้ไปอยู่บ้านหลังนี้กับลูกสาว ผมก็มาพักบ้านหลังนี้ตั้งแต่ปี 60 อยู่กับลูกสองคนมาตลอด"
พอศาลตัดสินว่าคนๆ นั้นมีส่วนในกรรมสิทธิ์ของบ้าน รู้สึกยังไง?
ธนัช : "หลังจากคนๆ นั้นฟ้องแพ่งคดีนี้ และดำเนินการมาเรื่อยๆ ในการฟ้องนั้นเขาต้องการอยู่ 3 ประการ หนึ่งจะต้องเอาชื่อของเขามาใส่ในโฉนดร่วม ตอนนี้บีเป็นเจ้าของ สองห้ามขัดขวางในการเข้าบ้าน ห้ามบีกับเบลขัดขวางเขา ที่เขาจะเข้าบ้าน สามหากทำหนึ่งและสองไม่ได้ ต้องชดใช้เงินเขา 40 ล้านบาท และคำตัดสินของศาลก็ออกมาเป็นอย่างนั้น คำตัดสินออกมาวันที่ 25 กันยายน 2562 เราจะคัดคำตัดสินได้ภายหลังศาลตัดสิน 7 วัน จาก 25 เจ็ดวันคือวันที่ 3 เราก็ต้องดำเนินการตามนี้เพื่อยื่นอุทธรณ์ ถ้าเราไม่ยื่นอุทธรณ์ก็เป็นไปตามคำสั่งของศาล แต่วันที่ 3 เขาไปคัดคำสั่งศาลออกมา วันที่ 4 ก็บุกไปในบ้านเลย ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ถือว่าอยู่ในกระบวนการยุติธรรมมั้ย แล้วชาวบ้านจะเป็นยังไง บ้านเมืองจะอยู่ยังไง ใครต้องการบ้านของคนแล้วทำแบบนี้ มันก็ไม่ถูกต้อง"
คุณแม่ซื้อเอง ทำเงินทำบ้านเองเพื่อให้ลูกสาว?
ธนัช : "ถูกต้องครับ"
คุณแม่ป่วย นายทหารท่านนึงไม่ได้มาดูแลเลยสักครั้ง?
ธนัช : "ไม่เคยแม้สักครั้ง มีอยู่ครั้งเดียวผมเฝ้าไข้อยู่ เขาพรวดเข้ามาเลย เพราะคุณแม่เขาป่วยในห้องอาร์ซียู ผมก็อยู่กับเขาตลอด อยู่ๆ คนนี้พรวดเข้ามาอ้างเป็นแฟนเขา แล้วบอกชื่อยศของเขา พยาบาลก็เออ เป็นคนมีต้นทุนสังคม ผมอยู่เผชิญหน้ากับเขา แต่คุณแม่เขาก็ยกมือไหว้ผม บอกพ่อขอเวลานิดนึงนะ พ่อออกไปข้างนอกก่อน ผมก็ออกมา การพูดคุยของเขาเราไม่ทราบ พยาบาลเฝ้าไข้พิเศษรีบโทรหาคุณบี"
คุณแม่ต้องการซื้อบ้านและยกให้ลูกสาวสองคน?
ธนัช : "ยืนยันครับ"
ศาลตัดสินให้ใช้บ้านร่วมกัน แต่มีเหตุการณ์คุณบีไม่สามารถเข้าบ้านได้ ก่อนศาลตัดสิน มีนายทหารมางัดบ้าน หลักฐานตรงนี้ยังไม่เปิดเผยมาก่อน วันนั้นเกิดอะไรขึ้น?
บี : "คุณแม่เสีย 5 พ.ย. 60 ก็มีเหตุการณ์แบบนี้ตามภาพมาตั้งแต่ ม.ค. สองรอบ และ พ.ค. อีกรอบ ถ้าเป็นเจ้าของบ้านทำไมต้องทำแบบนี้"
ทางนั้นห้ามไม่ให้คุณบีเข้าบ้าน ถือว่าขัดคำสั่งศาลมั้ย?
ทนายเดชา : "เขาไม่มีสิทธิ์ห้ามใคร เพราะทางนี้เป็นเจ้าของร่วมด้วย มีสิทธิ์เข้าบ้านทั้งสองฝ่าย"
บี : "เขาขับไล่คนในบ้านออกมาด้วย"
ทนายเดชา : "ต้องไปว่ากันไปใช้สิทธิ์ทางศาล ไม่ใช่เจ้าของคนเดียว ถ้าเขาไม่ให้เข้าบ้านก็ต้องไปแจ้งความไปฟ้องไปอะไร"
คลิปบุกบ้านพร้อมคนเยอะแยะมากมาย?
บี : "ที่นับได้ในกล้องวงจรปิด 16 คน"
เรียกว่าผู้บุกรุกได้มั้ย?
ทนายเดชา : "ถ้าศาลตัดสินว่าเขาเป็นเจ้าของร่วม ก็ไม่เข้าองค์ประกอบบุกรุก ถ้าว่ากันตามกฎหมาย ไม่ใช่บุกรุก ยกเว้นคำพิพากษายังไม่ถึงที่สุด เขายังมีชื่อในโฉนด กรรมสิทธิ์เป็นของใครก็ต้องไปโต้เถียง เรื่องห้ามก็ไม่น่าห้ามได้ ต้องไปใช้สิทธิ์ทางศาล ต้องแจ้งความก็ว่ากันไป"
มีอาวุธด้วยนะ?
บี : "แม่บ้านเล่าว่าหนึ่งในชายฉกรรจ์มีอาวุธปืน เห็นว่าเป็นปืนลูกซอง แม่บ้านถ่ายมา เขาตกใจมาก บีก็บอกใจเย็นๆ ให้ถ่ายเอาไว้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง กว่าบีจะทราบและไปแจ้งความก็ดึกแล้ว วันรุ่งขึ้นขอเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเป็นเพื่อน เพื่อไปดูว่าในบ้านมีทรัพย์สินเสียหายหรือเปล่า พอมีตำรวจก็ได้เข้า"
เอาอะไรออกมาได้บ้าง?
บี : "ได้แต่ของใช้ส่วนตัวและยาเบาหวานคุณพ่อ และรูปคุณแม่ ระหว่างที่เดินมีคนคุมตลอดว่าจะทำอะไร"
ทนายเดชา : "บ้านเรา เราเข้าได้ เราเป็นเจ้าของร่วม"
เดินประกบแล้วไม่ให้เอาของออกมา?
ทนายเดชา : "ต้องดูว่าเขาทำขนาดไหน มีข่มขืนใจมั้ย ความผิดเรื่องบุกรุกก้ำกึ่ง เพราะศาลตัดสินว่าเขาเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่ด้วย บุกรุกต้องเข้าบ้านคนอื่น แต่นี่เข้าบ้านตัวเอง โดยทั่วไปเขาไม่เข้ากันหรอก คดีนี้ก็ไม่เข้าใจว่าโจทก์ท่านนี้ทำไมเข้าไป"
บี : "มีทนายด้วยค่ะ ทนายก็เป็นคนนอนอยู่ในบ้านบีด้วยค่ะ"
เขาเป็นหนุ่มฮอต มีผู้หญิงโทรหาคุณเยอะมากหลังมีข่าว?
บี : "มีคนโทรมาเยอะมากว่าโดนบุคคลท่านนี้กระทำเหมือนกัน มีพฤติกรรมแบบนี้เหมือกัน เขาก็มีฐานะเหมือนกัน จะโดนฟ้องหลายคดี เป็นแพทเทิร์นเดียวกับที่บีโดน"
มืออาชีพ?
บี : "เป็นแพทเทิร์น ตอนนี้มี 3-4 คนค่ะ"
ได้อะไรไปบ้าง?
บี : "สิ่งที่ทางโน้นโดนเหมือนบี คือปลอมแปลงเอกสาร โดนฟ้องลักทรัพย์ แล้วฟ้องว่าเป็นสิทธิ์ของเขา แบบเดียวกันทุกอย่าง"
ผู้หญิงสามารถมีเมียได้หลายคนและตามไปฟ้องได้ทุกบ้าน?
ทนายเดชา : "กฎหมายไทยให้มีเมียคนเดียว จดทะเบียน คือกฎหมายก็มีช่องว่าง ว่างเยอะไป อยู่กับผู้หญิงคนไหนก็ไปฟ้องแบ่งได้ ผู้หญิงก็ทำได้ อยู่กับผู้ชายไม่จดทะเบียนสมรสก็ฟ้องได้ ไม่จำเป็นต้องออกเงิน อยู่บ้านหลังนี้ ดูแลบ้านดูแลครอครัว แต่ต้องสืบได้ว่ามีความสัมพันธ์เป็นผัวเป็นเมีย"
คดีนี้จะทำยังไง?
ทนายเดชา : "คดีนี้ถ้าแนะนำไปยื่นคำร้องต่อศาลไต่สวนฉุกเฉินดีกว่า เรียกโจทก์มาคุยว่าทำไมเข้าบ้านไม่ได้ ทำไมต้องมาเปลี่ยนกุญแจ คดีก็ยังไม่ถึงที่สุด อาจใช้วิธีขอทุเลาระหว่างอุทธรณ์ ต้องไต่สวนฉุกเฉิน ถ้าจะทำก็ทำตอนนี้เลย ก็ต้องสู้กันต่อไปในชั้นอุทธรณ์ และสืบให้ชัดเจนว่าเงินเป็นของคุณแม่คนเดียว ไม่ได้เป็นสามีภรรยาโดยพฤตินัย ไม่ได้อยู่อาศัย เอาของเดิมมาเขียนอุทธรณ์ใหม่ สู้ในชั้นอุทธรณ์ต่อไป"
คุณพูดว่าคดีนี้ยังไงคุณบีก็แพ้?
ทนายเดชา : "เราอย่าไปหลงประเด็นว่าเราเป็นชื่อเจ้าของโฉนด มันไม่ได้มีผลอะไรเลยนะ มันสนใจตั้งแต่เริ่มต้นว่าเงินมาจากไหน ใครเอามาซื้อโฉนด อย่างน้องเขาไม่มีสิทธิ์ดีกว่าคนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ในเมื่อคนโอนให้คุณไม่ได้มีสิทธิ์ทั้งหมด เรารับไปก็รับได้เท่าที่เขามีสิทธิ์เราเลยแพ้ ต้องสู้ต่อไป ต้องนำเสนอให้ศาลเห็นว่าเป็นเงินคุณแม่คนเดียว คนนี้ไม่ได้มาอาศัยกับเรา สู้ต่อไปครับ ความสัมพันธ์ผัวเมียจบไปแล้วแต่ความสัมพันธ์ทรัพย์สินเกิดมาแล้ว เพราะบ้านได้มาหลังเขาคบกัน"
ตอนแรกคุณมีกล้องวงจรปิดในบ้าน หลังจากนั้นเขามาดึงปลั๊กออก?
บี : "หลังเขาเข้ามาสองวันดูกล้องไม่ได้"
ก่อนหน้านั้นเขาแอบซื้อตัวแม่บ้านไว้?
บี : "ซื้อตัวมั้ย ไม่อยากจะใช้คำนี้แต่มีการติดต่อแม่บ้านในบ้าน เป็นคนถ่ายรูปส่งข้อมูลให้ว่าคุณแม่อยู่ รพ.ยังไง นานแค่ไหนแล้วโคม่าแล้ว มารู้หลังเขาลาออกและไปเป็นพยานให้ฝั่งโน้น ขึ้นเบิกความเป็นพยานให้ฝั่่งโน้น เราก็เสียใจมาก อยากบอกว่าสูญเสียคุณแม่ก็เป็นอะไรที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตอยู่แล้วนะ"
ทนายเดชา : "ยิ่งมีน้ำหนักมากขึ้นด้วยนะ เขามีพยานเป็นคนใกล้ตัวคุณแม่"
บี : "บีว่ามีเจตนาไม่สุจริตตั้งแต่ต้น ทุกอย่างเกิดขึ้นหลังคุณแม่เสีย รอเสียแล้วเรื่องนี้ก็เข้ามา วันนี้ที่ออกมาเพื่อปกป้องสิทธิ์ตัวเอง และให้เป็นอุทาหรณ์ด้วยว่าคนแบบนี้มีอยู่จริง มาเพื่อผลประโยชน์หรืออะไร อย่างที่ผู้หญิงหลายคนโทรมาว่าโดนแบบนี้"
เขาฟ้องคุณขโมย?
บี : "ค่ะ ขโมยโต๊ะ 4 ตัว มูลค่า 28,000 บาท"
คุณเอาโต๊ะเขามาเหรอ เอามาทำไม?
บี : "คือโต๊ะตัวนี้ เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่ในบ้าน เราเปิดร้านเพชรที่โรงแรม คณแม่เอามาตั้งตอนเปิดร้านเอาไว้ตั้งดอกไม้อยู่ในร้าน โต๊ะตัวนี้อยู่ในบ้านบี ก็เอาออกมา แล้วมาฟ้องว่าขโมย"
ทนายเดชา : "ต้องไปนำสืบว่าเป็นของใคร แต่ดูแล้วน่าจะขาดเจตนา น่าจะเข้าใจว่าทำได้ เป็นของเรา"
บี : "เราซื้อค่ะ"
ทนายเดชา : "มีใบเสร็จมั้ย ต้องพิสูจน์ทรัพย์กัน"
อยากบอกอะไรทหาร?
ทนายเดชา : "ก็กลับมาเจรจาให้มันจบๆ ดีกว่า อย่าไปต่อเลย"
บี : "อยากจะวอน บีก็นักธุรกิจ ไม่มีความต้องการมาเป็นประเด็นหรือเป็นข่าว แต่วันนี้ถึงที่สุดจริงๆ เลยจำเป็นต้องออกมา ขอความเมตตาผู้ใหญ่ ใครก็ได้ ช่วยให้บีได้รับความเป็นธรรมด้วย บางทีคนเดียวที่จะช่วยได้คือนายกฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนเดียวเท่านั้น เป็นสิทธิ์ของเรา คุณแม่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง สร้างเสร็จตั้งใจให้ลูกๆ และอยู่กับลูกๆ แต่สร้างเสร็จก็ป่วยและมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น"
อัลบั้มภาพ 10 ภาพ