ลุงเดินข้ามถนนไปรอรับเมีย รถพุ่งชนตายไม่ทันได้เจอหน้า เชื่ออาถรรพ์ตัวตายตัวแทน
(14 ต.ค.62) เมื่อเวลา 21.00 น. บนถนนพระราม 2 กิโลเมตรที่ 78 หมู่ 6 ตำบลแพรกหนามแดง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ตำรวจ สภ.ยี่สารพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพ นายช้อย อายุ 59 ปี คนงานก่อสร้างโรงงานแปรรูปมะพร้าวแห่งหนึ่งในตำบลแพรกหนามแดง สภาพศพศีรษะแตก นอนเสียชีวิตบนถนนเลนขวาสุด โดยเมื่อนางสาวสมปอง อายุ 48 ปี ภรรยาผู้ตายซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดชัยภูมิ ที่ถึงกับนอนชักร่ำไห้ร้องหานายช้อยผู้ตายผู้เป็นสามีอย่างน่าเวทนา เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ห่างไปประมาณ 1 กิโลเมตรภายในปั้มน้ำมันบางจากพบรถยนต์ฮอนด้า โอดีสซีย์ สีบรอนซ์ จอดอยู่ด้านหน้าซ้ายพังยุบไฟหน้าแตก กระจกหน้าด้านซ้ายแตกยุบ มีนางสาวรัสรินทร์ อายุ 27 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร เป็นคนขับ เล่าว่าตนพาคุณแม่และครอบครัวรวม 6 คน เป็นผู้ใหญ่ 3 คน เด็ก 3 คน ไปเที่ยวพักผ่อนที่อำเภอชะอำ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาถึงที่เกิดเหตุตนขับอยู่เลนขวาความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นจังหวะที่น้ำมันใกล้หมดจึงมองหาปั๊มน้ำมันและกำลังเข้าเลนซ้าย จู่ๆ ก็มีเงาดำลอยกระแทกเข้าที่หน้ารถอย่างแรง เศษกระจกกระเด็นเข้าตาแม่ของตนที่นั่งข้างตน นาทีนั้นทั้งรถซึ่งมีแต่ผู้หญิงและเด็ก ตกใจมากนึกว่าถูกปาหินใส่ในรถ ไม่กล้าจอดเพราะกลัวถูกปล้น จึงขับมาจอดในปั๊มน้ำมันที่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร เพราะสว่างและมีคนพลุกพล่านน่าจะปลอดภัย กระทั่งมีเจ้าหน้าที่มาบอกว่าที่กระแทกหน้ารถของตนไม่ใช่ก้อนหินแต่เป็นคนซึ่งเสียชีวิตแล้ว ตนตกใจและเสียใจมาก ที่ผ่านมาเข้าวัดบวชชีพราหมณ์เป็นประจำ เสร็จเรื่องก็คงจะบวชชีพราหมณ์อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายช้อยผู้ตายกำลังจะข้ามถนนไปรับภรรยาที่กำลังเดินทางจากจังหวัดชัยภูมิเพื่อมาหาด้วยความคิดถึง แต่ด้วยความเร่งรีบอยากเจอหน้าภรรยาซึ่งห่างกันมานาน จึงไม่ทันมองรถที่ขับมาทำให้ถูกรถชนเสียชีวิต ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ด้านนายทวีป อมศิริ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแพรกหนามแดงกล่าวว่า บริเวณดังกล่าวถือเป็นจุดอาถรรพ์ ในอดีตมีผู้เสียชีวิตปีละหลายศพ ตนและชาวบ้านจึงไปปรึกษาพระผู้ใหญ่จึงแนะนำไม่ให้ตั้งศาลเด็ดขาด เพราะสัมภเวสีจะมาอาศัยทำให้มีคนเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น แต่ให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ทุกปี ตนและชาวบ้านจึงร่วมกันทำบุญถนนบริเวณนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 จนถึงปัจจุบันรวม 24 ปี หลังจากทำบุญก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตลดลงเหลือปีละ 1 คน บางปีก็ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่หากปีไหนหยุดทำบุญกลับมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น