ทักษิณ ปัดหอบเงิน8พันล้านลงทุนฟิจิ
ทักษิณ ปัดหอบเงิน 8พันล้าน ลงทุน ฟิจิ แลกลี้ภัย อ้างพบจริงแต่เพื่อขอข้อมูลในการลงทุนโครงการเล็กๆน้อยๆ ปูดรัฐบาลไทยพลิกไล่ล่าใช้เจรจาแบบรัฐต่อรัฐ หลังขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนเหลว
(10ก.ค.) นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีหนังสือพิมพ์ ดิ ออสเตรเลียน ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณเจรจา กับนายกฯฟิจิและหัวหน้าคณะรัฐประหารฟิจิ พร้อมนำเงินลงทุน 300ล้านเหรียญ หรือ 8,000ล้านบาท แลกกับการขอลี้ภัยภายใต้เงื่อนไข ต้องไม่ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ ฝากชี้แจงข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง การไปพบนายกรัฐมนตรีของประเทศฟิจิ เป็นเพียงการเข้าพบ เพื่อขอข้อมูลในการลงทุนโครงการเล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่การลงทุนขนาดใหญ่ 8,000 ล้านบาท ไม่ได้เป็นการเจรจาเพื่อขอลี้ภัยกับนายกฯฟิจิ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่าไม่มีความคิดที่จะลี้ภัยการเมือง เพราะที่ผ่านเมื่อครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณไปอยู่อังกฤษและเคยยื่นเรื่องขอลี้ภัยที่อังกฤษก็ได้ตัดสินใจขอถอนการขอลี้ภัย
"09.00น.วันนี้(10ก.ค.)ผมโทรศัพท์คุยกับพ.ต.ท.ทักษิณ ท่านกลับมาพักอยู่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แล้ว ไม่ได้ไปอยู่ตองกา หรือ เร่ร่อนต่างในประเทศแถบแปซิฟิกตามที่เป็นข่าว ส่วนการเดินทางที่ผ่านมาท่านไปพบปะผู้นำประเทศและเก็บข้อมูลการลงทุนเท่า นั้น" นายนพดล กล่าว
นายนพดล กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลและสื่อต่างประเทศระบุว่าพ.ต.ท.ทักษิณใช้ชื่อปลอมในการเข้าประเทศต่างๆนั้นขอยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลที่รู้จักกันทั่วโลกไปที่ไหนก็มีคนขอลายเซ็น จึงขอฝากไปยังรัฐบาลว่ารัฐบาลควรจะเอาเวลาปล่อยข่าว ไปแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประเทศ
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ ประเมินหรือไม่ว่ารัฐบาลอาจประสานไปยังดูไบอีกครั้งในการจับกุมตัวมาดำเนิน คดี นายนพดล กล่าวว่า คิดว่ารัฐบาลไทยมีความพยายาม ที่จะใช้ช่องทางต่างๆในการล่าตัวแต่ที่ผ่านมาหลายๆประเทศเข้าใจในสถานการณ์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ และไม่ได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทย เพราะรัฐบาลไทยให้ข้อมูลเท็จและเวลาที่ทางการประเทศต่างๆขอข้อมูลเพิ่มเติม ไม่สามารถให้ได้ ล่าสุดทราบข่าวว่ารัฐบาลไทยใช้วิธีการเจรจาระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล(จีทูจี) ในการขอนำตัวอดีตนายกฯกลับประเทศ เพราะไม่สามารถดำเนินผ่านสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนและไม่สามารถขอความร่วม มือจากตำรวจสากล ในการจับกุมตัวส่งกลับประเทศไทยได้