สภาระอุกลางดึก "ประยุทธ์" ลุกขึ้นโต้ "อนาคตใหม่" ถล่มปมเมินแก้ฝุ่น PM 2.5
นายกฯ เดือดก่อนพักประชุมสภาฯ ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 63 ในวันที่ 2 หลัง ส.ส.อนาคตใหม่ เปิดฉากกลางดึกยกข้อมูลรัวถล่มรัฐบาลเมินแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน
(19 ต.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญเป็นพิเศษ พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เป็นวันที่ 2 ดำเนินมาถึงช่วงดึกของคืนวันที่ 18 ต่อเนื่อง 19 ตุลาคม นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายโดยเริ่มต้นด้วยการแนะนำให้ผู้ชมที่ต้องการเห็นสไลด์เพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่ตนอภิปรายได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นติดตามได้ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ "นิติพล ผิวเหมาะ"
จากนั้นระบุว่า การจะแก้ไขปัญหาเรื่องฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน PM 2.5 อย่างเด็ดขาดก่อนอื่นรัฐบาลต้องยอมรับก่อนเลยว่ารัฐบาลไม่รู้และไม่ใส่ใจที่จะแก้ปัญหา PM 2.5 ความไม่รู้และไม่ใส่ใจมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ ยกตัวอย่างในกรุงเทพมหานคร ความไม่รู้เรื่องฝุ่นควัน มูลค่าความเสียหายจาก PM 10 เท่ากับ 446,023 ล้านบาทต่อปี เฉพาะกรุงเทพฯ และทั้งประเทศไทย ถ้าได้รับผลกระทบอยู่ที่ 1.79 ล้านล้านบาท คิดเป็น 11.62 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ปี 2560 และความเสียหายของ PM 2.5 มากกว่า PM 10 เพราะมีอนุภาคเล็กกว่า
ซ้ำร้ายกว่านั้นในขณะที่เรายังไม่รู้วิธีแก้ไข ต่างประเทศมีการพูดถึงการแก้ไขปัญหาและลงทุนวิจัยกับการแก้ไขปัญหาเรื่อง PM 1.0 แล้ว ในวันที่รัฐบาลยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับปัญหา PM 2.5 อยู่ ตนเห็นโพสต์ของรัฐมนตรีท่านหนึ่งใน ครม. นี้ เรื่องการแก้ไข PM 2.5 ตนรู้สึกดีใจที่เห็นรัฐบาลเริ่มปรับตัวที่จะหาวิธีแก้ไขปัญหานี้เสียที
แต่เมื่อดูงบประมาณปี 2563 รู้สึกสิ้นหวังกับความจริงจังที่รัฐบาลจะแก้ไขปัญหานี้ให้กับคนไทย เพราะงบประมาณนี้ทำโดยคนที่อยู่ศูนย์กลางและเข้าถึงการป้องกันปัญหาอย่างง่ายดาย สามารถซื้อหน้ากากได้ เข้าในบ้านก็ติดเครื่องฟอกอากาศอย่างง่ายๆ นี่เป็นการตอกย้ำว่าท่านทำงบประมาณที่ดูถูกความเท่าเทียมกันของคน
ตนและทีมงานนั่งเปิดดูเอกสารทุกหน้า ถ้าเป็นวัยรุ่นเปิดเอกสารสองหมื่นหน้านี้คงจะเอามือทาบอกแล้วพูดว่า OMG! (พระเจ้าช่วย) ถ้ารวมตัวเลขได้ 886.4 ล้านบาท ที่ดูเหมือนมาก แต่งบดำเนินการ 373.51 ล้านบาท เอาเงินนี้ละลายไปกับการอบรมสัมนา ซึ่งตนเบื่อมาก อบรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีทางออกแก้ไขปัญหา งบลงทุน 363.12 ล้านบาท หมดไปกับค่าอุปกรณ์ที่ไม่สร้างองค์ความรู้ใหม่ที่จะเป็นประโยชน์กับการแก้ไขปัญหา งบบูรณาการจัดการมลพิษมีเพียงแค่ 88.21 ล้านบาท และก็หมดไปกับค่าจ้างเหมาบุคคลและอบรม
รวมไปถึงโครงการที่ไม่มีเนื้อหาว่าจะเอาไปทำอะไร งบวิจัยมีอยู่แค่ 41.51 ล้านบาท ให้กับมหาวิทยาลัยแม่โจ้เพียงแห่งเดียวที่เดียว ดูจากงบแล้วต้องบอกว่ารัฐบาลไม่มี ไม่รู้ ไม่เตรียม และไม่ทำอะไรเลย เพราะรัฐบาลไม่จริงจังในการแก้ปัญหา PM 2.5 นี้
ถ้าตัดปัจจัยอื่นออก ค่าเฉลี่ยของอายุภาคเหนือสั้นลงกว่าภาคอื่น 4 ปี และคนในวัยกลางคนก็มีอายุสั้นลงมาก วัยเด็กก็จะตายเร็วขึ้นเพราะเป็นมะเร็งปอด ในกรมมลพิษมีเครื่องตรวจวัดฝุ่นควันไม่เพียงพอ เชียงรายมี 2 เครื่อง เชียงใหม่มีแค่ 2 เครื่อง กรมโรงงานมีทั้งประเทศ 2-3 เครื่อง และระบบแจ้งเตือนภัยไม่มี การเปิดเผยข้อมูลมลพิษไม่มี การจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบไม่มี การเตรียมการรับมือฝุ่นที่มาเร็วกว่าปกติก็ไม่มี
ในขณะที่รัฐบาลยังไม่รู้ตนก็มีข้อเสนอให้ติดตั้งเครื่องตรวจวัดฝุ่นสำหรับโรงงานทั่วประเทศ และเครื่องตรวจวัดฝุ่นควันมาตรฐานให้ครอบคลุมทุกอำเภอเริ่ม 195 เครื่อง สร้างพื้นที่ปลอดภัยและติดตั้งเครื่องตรวจวัดที่รายงานผลได้ทันที เน้นศูนย์เด็กเล็กและห้องสมุดชุมชน มีเครื่องฟอกอากาศเพียงพอ ติดเครื่องตรวจวัดไว้ทุกตำบล เครื่องก็จะแจ้งเตือนในระบบออนไลน์เช็กดูได้ทางมือถือ และส่งสัญญาณไปทางผู้ใหญ่บ้านให้ประกาศเสียงตามสายเตือนชาวบ้าน และเสนอให้ปลูกป่าแบบฟื้นฟูระบบนิเวศทั่วประเทศ และสุดท้ายคือทำฐานข้อมูลกลางเพื่อเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศจ่ายเงินอุดหนุนลดการเผาในภาคเกษตร ตนคิดว่าต้องการให้สนับสนุนเงินวิจัย 207.8 ล้านบาทเพื่อค้นหาต้นตอของ PM 2.5
นายกฯ เดือดซัดกลับ ลั่นมีประสบการณ์กว่า - อาบน้ำร้อนมาก่อน
ต่อมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงพร้อมชื่นชมในความตั้งใจในการทำงานของนายนิติพลโดยย้ำว่า เรื่องนี้รัฐบาลให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งและแก้ปัญหามาหลายปีแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องขจัดต้นตอของปัญหาที่มาจากหลายส่วน เช่น การขนส่ง, และการเผา มีแผนแม่บทเรื่อง PM 2.5 ทั้งระยะสั้นและยาว มีการแจ้งเตือนทุกพื้นที่ให้รายงานมาทุกวัน สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจร่วมกันคือตนไม่ได้ว่า PM 2.5 ไม่มีความสำคัญต่อสุขภาพ แต่เราพิจารณาตามลำดับว่าใครได้รับผลกระทบมากที่สุด ต้องแก้ไขตรงนี้ก่อน แต่ถ้าจะแก้ทั้งระบบใช้เวลาสั้นไม่ได้ ตนไม่สบายใจตรงที่พูดว่ารัฐบาลไม่รู้อะไรเลย
“อย่านะครับผมอาบน้ำมาก่อนท่าน อันที่หนึ่ง ผมมีประสบการณ์พอสมควร อันที่สามผมใส่ใจรายละเอียดทุกอันในเรื่องของการใช้เครื่องมือต่างๆ วันนี้ท่านเอาเฉพาะตรงนี้มาพูดกันตรงนี้ เอางบประมาณตรงนี้มาแก้เรื่อง 2.5 อย่างเดียว”
นายกรัฐมนตรี อธิบายต่อว่า งบการแก้เรื่องปัญหาฝุ่น PM 2.5 อยู่ในหลายกระทรวงด้วยกันที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาเรื่องรถเมล์สาธารณะ รถส่วนบุคคล ตั้งด่านตรวจ ตั้งจับควันดำอะไรต่างๆ ปัญหาก็คือว่าเราต้องร่วมมือกัน ท่านบอกว่ามีเครื่องมือน้อย แต่รัฐบาลสั่งไปแล้วว่าทุกโรงงานต้องติดตั้งเครื่องมือที่ตรวจวัด PM 2.5
และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็ใช้มาตรการที่เด็ดขาดในการดำเนินการ แต่ต้องระมัดระวังเรื่องแรงงานที่ทำงานอยู่ด้วย เราต้องมองทุกมิติ มองที่ต้นตอของปัญหา สิ่งที่บอกว่าเราไม่เปิดเผยข้อมูล มันแพร่ไปทั่วและทุกคนก็ตื่นตระหนก อะไรที่เริ่มด้วยความตื่นตระหนกจะเสียหายไปทั้งหมด ถ้าเอาตรงนี้มาพิจารณาตรงนี้งบไม่มีพอ ต้องอาศัยความร่วมมือจากที่อื่นด้วย ไม่อย่างนั้นประชาชนจะได้รับผลกระทบแน่นอน เช่น การยกเลิกใช้รถเก่าก็ต้องผ่อนผันกันไป มีระยะสั้นระยะยาว
“เพราะฉะนั้นท่านคิดเร็วดีแล้ว นั่นคืออนาคตที่ผมคาดหวัง แต่ต้องทำให้ได้ ภายใต้ความร่วมมือกันระหว่างรัฐและประชาชนไปด้วยกัน ไม่มีรัฐไหน ต่อให้ท่านเป็นรัฐบาลท่านก็แก้อย่างที่ท่านว่าไม่ได้ ผมเชื่อมั่นอย่างนั้นนะ เพราะผมเจอปัญหามามากมาย แต่เราต้องเอาประชาชนมาร่วมแก้ปัญหาด้วย อย่าพูดในลักษณะที่ว่าไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นั่นก็ไม่ดี ไอ้นั่นก็ไม่มี ท่านพูดอย่างนี้มันหมายความว่าไอ้ที่นั่งกันอยู่นี่ไม่มีสติปัญญากันเลย ผมคิดว่าผมรับไม่ได้ตรงนี้เท่านั้นเอง
แต่ผมไม่เคยว่าท่านเลยนะ แต่ท่านว่าพวกผมตลอดเวลา ผมไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด อาจจะด้วยความหวังดี อาจจะด้วยความเป็นนักวิชาการ ผู้นำเสนอ ในสิ่งที่ทันสมัยที่ทุกคนก็ยอมรับฟัง ผมสังเกตหลายที เวลาชี้แจงอะไรขึ้นมาต้องเรียกคนมาดูมาฟังกันในโทรศัพท์หรือในเฟซบุ๊กเนี่ย มันใช่ไหมครับ ผมว่ามันไม่ใช่นะ
วันนี้เราต้องมาแก้ปัญหาร่วมกันในห้องนี้ จะพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ร่วมรัฐบาล จะเกลียดรัฐบาล แต่ท่านเกลียดประเทศของตัวเองไม่ได้ ท่านพูดอะไรต่างๆ ก็ตามมันออกไปข้างนอกเสียหายไหมครับ เราควรจะเอาทั้งหมดมาแก้ปัญหาร่วมกันไม่ใช่หรือ ท่านโจมตีกันไปมามันไม่ได้อะไรทั้งสิ้น ยังไงมันก็มีเงินอยู่ 3.2 ล้านล้านนี่แหละ ท่านจะทำก็คิด ไปหาเงินมาผมไม่ว่าอะไรท่าน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส.ส.อนาคตใหม่ ลุกประท้วงนายกฯ
จากนั้น นายคารม พลพรกลาง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ประท้วงให้ประธานควบคุมว่าผู้อภิปรายไม่ได้ว่าร้ายใคร แต่นายกรัฐมนตรีต้องรับฟัง 5 ปีที่ผ่านมามีอำนาจเต็มที่ไม่ทำ นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่1 ในฐานะประธานการประชุม วินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีพูดรวมๆ ในภาพรวมการประชุมทั้งหมดที่ผ่านมาและไม่ได้ทำผิดข้อบังคับให้นายกรัฐมนตรีพูดต่อ
จากนั้น พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้ต้องการสร้างความขัดแย้งหรือความไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน แต่ต้องทบทวนคำกล่าวว่า รัฐบาลไม่ทราบ ไม่รู้อะไรเลย ตนรับไม่ได้ ตนก็อธิบายให้เข้าใจว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้างมีแผนการยังไง ตนอธิบายอย่างนี้ ขอความเข้าใจด้วย
ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ขอใช้สิทธิอ้างอิงในฐานะที่เป็นหัวหน้าทีมวิเคราะห์งบประมาณ เนื่องจากนายกฯ กล่าวถึงการเรียกให้ประชาชนเข้าร่วมสังเกตเฝ้าชมการอภิปรายผ่านทางแอปพลิเคชันต่างๆ ในมือถือ
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็พูดขึ้นมาว่า “ผมไม่ได้เอ่ยชื่อ ใครทำก็รู้อยู่ ก็แค่นั้นเอง ผมไม่เคยเห็นไงบรรยากาศในสภาที่มีการเรียกคนดูทางเว็บไซต์ ทางอะไรเนี่ย โดยพูดในจอไปด้วยเนี่ย ผมไม่เข้าใจ แต่ว่าโอเค ดูโทรทัศน์กว่ากันไป” ขณะที่นายสุชาติหัวเราะ แล้วบอกให้นายกรัฐมนตรีหยุด แล้ววินิจฉัยว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้เอ่ยชื่อบุคคลที่สาม และไม่เสียหาย
แม้ น.ส.ศิริกัญญาจะยืนยันว่าเสียหาย แต่ประธานก็บอกว่าไม่เสียหาย นายนิติพล จะใช้สิทธิพาดพิงต่อเกี่ยวกับการใช้สื่อโซเชียลมีเดีย เพราะตนเป็นคนเดียวที่เพิ่งใช้ไป แต่ประธานกล่าวว่าใช้สื่อกันเกือบทุกคน นายนิติพล กล่าวต่อว่า การอภิปรายของพรรคอนาคตใหม่ครั้งนี้เป็นการพลิกโฉมการอภิปรายงบประมาณที่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย เพราะฉะนั้นการใช้สื่อการใช้สไลด์มีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้ผู้ที่ติดตามทางบ้านสามารถเข้าใจการอภิปรายได้อย่างชัดเจน
หลังจากนั้น นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องงบประมาณเกี่ยวกับกระทรวงเกษตรฯต่อ ก่อนที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะลุกขึ้นอภิปรายชี้แจงว่าตนเห็นด้วยในข้อเสนอการแก้ไข PM 2.5 ที่นายนิติพล กล่าว และทางรัฐบาลเองก็ไม่ได้นิ่งเฉย ยกปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติ แก้ปัญหาและเป็นหนึ่งในผู้นำแก้ปัญหา PM 2.5 ในอาเซียน กรมป่าไม้เองก็มีโครงการปลูกป่า อีกทั้งยังมี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่แก้ปัญหาอย่างจริงจัง แต่ต้งอขอความร่วมมือจากประชาชนด้วย
ก่อนที่ประธานจะสักพักการประชุมในเวลาประมาณ 00.20 น. ของวันที่ 19 ตุลาคม และจะอภิปรายต่อในเวลา 9.30 น. และลงมติในเวลาค่ำของวันเสาร์ (19 ต.ค.) ต่อไป