จิตแพทย์ดังถามคนไทย หนุ่มแว่น-คนถ่ายคลิป-คนรุมด่า ใครบ้ากว่ากัน?
"นพ.กัมปนาท" สงสัยคนถ่ายคลิป "หนุ่มแว่น" ไม่รู้หรือว่าป่วยทางจิต ถึงเอามาโพสต์ทำให้ตัวเองดูเป็นผู้น่าสงสาร ลั่นอยากรู้ถ้าไม่ถ่ายคลิปจะตอบโต้ยังไง
วันนี้ (24 ต.ค.) นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล จิตแพทย์ชื่อดัง เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน แล้วมีหนุ่มแว่นหัวร้อนออกมาด่าทอคู่กรณี ลุกลามไปเป็นการดูถูกเหยียดหยามคนไทยทั้งประเทศ นำไปสู่ความไม่พอใจของชาวโซเชียล และมีคนจำนวนหนึ่งปักหลักรวมตัวกันรุมด่าหนุ่มแว่นคนดังกล่าวที่หน้าสภ.พุทธมณฑล โดยข้อความทั้งหมดระบุว่า
"ขอพูดในฐานะประชาชนคนธรรมดาก่อนนะครับ กรณี คลิปดังของหนุ่ม รถซีวิคที่คนรุมด่ากันทั้งประเทศแล้วก็มีการโพสต์ ท้าทาย จากพวกดาราทั้งหลายแล้วประชาชนอีกจำนวนหนึ่งที่ไปดักรอที่โรงพักรอรุมด่าหรือดักรออยากจะทำร้ายกัน...
... เอิ่ม... มีคนส่งคลิปมาให้ดูครั้งแรกดูปุ๊บ ก็นั่งอมยิ้มแล้วก็ขำไปด้วยยิ่งฟังไปเรื่อยๆก็ยิ่งรู้สึกตลกมากขึ้นไม่ได้เห็นรู้สึกเดือดร้อนหรือเจ็บใจอะไรที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนไทยโง่ๆนิสัยไม่ดีอะไรพวกนั้น... ก็เพราะว่าเราไม่ได้เป็นคนพวกนั้นที่เขากล่าวถึง... แล้วจะไปเจ็บใจอะไรกันมากมายเหรอครับ...
... อยากจะบอกว่าไม่ต้องใช้วิชาจิตเวชศาสตร์หรือต้องเป็นจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาหรอกครับ แค่เป็นคนธรรมดาก็พอจนวินิจฉัยได้แล้วล่ะว่าคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากคนที่สภาพจิตไม่น่าจะปกติสักเท่าไหร่ ดูแล้วก็ขำๆกันไป ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากมายนัก
... ที่นี้ถ้าจะพูดในฐานะจิตแพทย์บ้าง สำหรับผู้ก่อเหตุที่กล่าวอ้างว่าเป็นโรคซึมเศร้า อันนี้ก็ไม่ได้เห็นด้วยเสียทีเดียวเพราะถ้าใครติดตามเพจผมก็มักจะพูดอยู่ตลอดเวลาว่า.... ไม่ว่าจะป่วยอะไรก็ไม่มีสิทธิ์เอามาอ้าง ต่อสังคม เพราะว่า สังคมเขาไม่รู้หรอกว่าวินิจฉัยของแต่ละโรคมันมีรายละเอียดอย่างไรบ้าง
.... ต่อให้ป่วยขนาดไหนก็ไม่ได้หมายความว่าจะยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการ สามารถแสดงความก้าวร้าวในสังคมได้อย่างอิสระเสรี.... ป่วยหรือไม่ป่วยก็ต้องเรียนรู้ในการควบคุมตัวเองด้วย.... ถ้าป่วยหนัก แล้วยังมาอ้างได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าป่วยจริงหรือวินิจฉัยถูกหรือเปล่า
.... ถ้าจะเอากันตามหลักวิชาการคุณจะอ้างอะไรก็ได้แต่พนักงานสอบสวนก็มีสิทธิ์ที่จะส่งคุณไปตรวจสภาพจิตจากสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์แล้วก็รอคำตัดสินจากทีมคณะแพทย์ทั้งหลายก่อน แล้วเลือกที่จะดำเนินคดีต่อหรือไม่ก็ว่ากันไป.... มิใช่แค่เอาซองยามาอ้างแล้วเรื่องทุกอย่างก็จะจบ.... มันคงไม่พอหรือไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
... ส่วนผู้เกี่ยวข้องหรือผู้ปกครอง ก็มีส่วนสำคัญในการ ที่จะยอมรับความจริงและไม่ออกมาปกป้องบุตรหลานของตนมากจนเกินไป ผมมองว่าถ้าคอยปกป้องหรือคอยปฏิเสธให้อยู่เรื่อยๆก็ไม่ต่างอะไรกับการสปอยล์แล้วให้ท้ายให้เขากระทำผิดซ้ำๆอีก
.... เพราะรายนี้ก็ไม่ใช่กระทำผิดครั้งแรก ถ้าผิดซ้ำๆหลายครั้งก็ไม่มีใครการันตีเรื่องความปลอดภัยหรืออาจจะถูกกระทืบตายตามท้องถนน... อันนั้นก็คงไม่ดีแน่ๆครับ
.... สำหรับผมนะถ้าให้ต่อล้อต่อเถียงกับคนที่มีลักษณะคำพูด ประหลาดๆ แบบนี้ผมเลิกเถียง แล้วก็ไม่เอามาโพสต์ด้วย... เพราะรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะไปทะเลาะ เหมือนที่คนโบราณบอกว่า "อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา" นั่นล่ะครับ
... ส่วนที่เอะอะโวยวายโพสต์ด่ากันใน Facebook ท้าตีท้าต่อย หรือไปรอไปรุมด่า กันแถวโรงพักนี่ แน่ใจนะว่าสภาพจิตใจและการควบคุมอารมณ์ปกติ 555 เห็นแล้วเพลียใจจริงๆ...
ปล.ความโกรธไม่เคยให้คุณกับใคร ทำใจร่มๆ ค่อยๆแก้ปัญหาไปที่ละขั้นตอน"