พ่อปู่ฤๅษีแต่งองค์บุกโรงพัก แจ้งความเต็นท์รถโกง เช่าซื้อดอกเบี้ยพุ่ง

พ่อปู่ฤๅษีแต่งองค์บุกโรงพัก แจ้งความเต็นท์รถโกง เช่าซื้อดอกเบี้ยพุ่ง

พ่อปู่ฤๅษีแต่งองค์บุกโรงพัก แจ้งความเต็นท์รถโกง เช่าซื้อดอกเบี้ยพุ่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พ่อปู่ฤๅษีที่เพชรบูรณ์เข้าแจ้งความ เต็นท์รถมือสองหลอกขายรถให้ แบบผ่อนชำระไม่มีดอกเบี้ย ภายในระยะเวลา 3 ปี แต่พอจะจ่ายปิดยอด กลับพบดอกเบี้ยโผล่มาร่วมแสน

เมื่อวานนี้ (28 ต.ค.) ปู่ฤๅษีนารอด อายุ 60 ปี แห่งอาศรมวัดเจดีย์ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พร้อมด้วยกลุ่มลูกศิษย์ ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ประสาน คำตื้อ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ หลังถูกเต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่งในตัวเมืองเพชรบูรณ์ หลอกขายรถยนต์ให้แบบผ่อนชำระโดยไม่มีดอกเบี้ย กำหนดชำระภายใน 3 ปี แต่พอจะปิดยอดเงินส่วนที่เหลือ ปรากฏว่าคิดดอกเบี้ยร่วมแสนบาท และยังทำผิดเงื่อนไขอีกหลายเรื่อง

ปู่ฤๅษีนารอด ให้การว่า เต็นท์รถแห่งนี้ตนได้มาซื้อรถกระบะ 4 ประตู ครั้งแรกเมื่อปี 2558 ลูกศิษย์คนหนึ่งเป็นผู้ซื้อให้โดยชำระเป็นเงินสด เพื่อใช้ในกิจของสงฆ์ยังวัดที่ตนอาศัยอยู่ ต่อมาลูกชายและลูกสะใภ้อยากได้รถยนต์ จึงสอบถามไปยังเต็นท์รถแห่งเดิม และมีรถกระบะแค็ป สภาพดี ที่มาลูกค้านำมาเทิร์นขายพอดี

ทำให้ตนกับลูกชายพากันไปดูและตัดสินใจซื้อขายกันในเดือนพฤศจิกายน 2559 แต่ลูกชายติดเครดิตบูโร จึงไม่สามารถออกรถได้ ทางพนักงานเต็นท์รถแห่งนี้ได้แนะนำให้ใช้ชื่อตนเป็นผู้ครอบครองรถแทน แต่เนื่องจากตนชอบปลีกวิเวก บำเพ็ญเพียรเป็นเวลานานหลายเดือน จึงไม่มีเวลามาจ่ายเงินหากชำระเป็นงวด แบบระบบไฟแนนซ์ จึงตัดสินใจที่จะไม่เอา

แต่ทางพนักงานก็ยังเสนออีกว่า ให้ทำการผ่อนชำระเป็นครั้งๆ โดยไม่มีดอกเบี้ย แต่ต้องชำระให้หมดภายในกำหนด 3 ปี ตนจึงตกลงพร้อมกับวางเงินดาวน์ จำนวน 150,000 บาท และผ่อนชำระเรื่อยมา ครั้งละ 20,000-30,000 บาท โดยเป็นเงินของลูกชายและลูกสะใภ้ ที่หามาได้จากการรับจ้างกรีดยา

โดยราคาเต็มของรถยนต์คันที่ผ่อนชำระอยู่ที่ 430,000 บาท และทางเต้นท์รถได้ขอให้ตนนำโฉนดที่ดินมาไว้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันรถอีกด้วย ตนจึงนำที่ดิน 21 ไร่ ใน จ.อุดรธานี มาไว้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

พ่อปู่ฤๅษี ได้ให้การต่อว่า ตนได้ผ่อนชำระเรื่อยมา จนกระทั่งเหลือยอด 50,000 บาท และจะครบกำหนด 3 ปี ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2562 ที่จะถึงนี้ ตนจึงได้นำเงินสด 50,000 บาท เพื่อมาชำระปิดค่างวดที่ค้าง ในเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่ายอดเงินที่เหลือ กลับพุ่งสูงเป็นเงินถึง 126,064 บาท ซึ่งก็คือยอดดอกเบี้ย เพิ่มขึ้นมาถึง 76,064 บาท

เรื่องนี้ตนจึงเดินทางมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบูรณ์ ว่า การเช่าซื้อรถไม่เป็นไปตามข้อตกลงกันเหมือนครั้งแรกที่พูดจาตกลงกันเอาไว้ในวันออกรถคือ ไม่มีดอกเบี้ย และเชื่อว่าตนถูกเต็นท์รถโกงค่างวด ซึ่งเรื่องนี้ ทางด้านรองสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดีได้แจ้งให้ปู่ฤๅษีนารอดไปพบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อจะได้หาทางช่วยเหลือ อีกทางหนึ่งด้วย

ทางศูนย์ดำรงธรรมได้ตรวจดูเอกสารที่ทางเต็นท์รถทำขึ้นมา ปรากฏว่ามีอยู่ 2 ฉบับที่เขียนไม่ตรงกัน โดยฉบับแรกมีลายเซ็นของผู้เช่าซื้อ แต่ไม่มีลายเซ็นของพยาน และเจ้าของเต็นท์รถ ขณะที่เอกสารอีกฉบับ กลับมีลายเซ็น ของผู้เช่าซื้อ พยาน และเจ้าของเต็นท์รถ เซ็นชื่อเอาไว้ครบ

ทั้งที่ตอนออกรถ ปู่ฤๅษีนารอด ไม่ได้เซ็นเอกสารใดๆ เพียงแต่ทางเต็นท์รถ ให้เซ็นชื่อบนกระดาษเปล่า 1 ใบเท่านั้น ซึ่งทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ตรวจดูเอกสารทั้ง 2 ฉบับ พร้อมทั้งระบุกับทางฝ่ายปู่ฤๅษีว่าเป็นเอกสารถูกทำปลอมขึ้นมา พร้อมทั้งแนะนำให้กลับมาแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ทางฝ่ายตัวแทนเต็นท์รถมือสองได้เดินทางมาที่ สภ.เมืองเพชรบูรณ์ เพื่อมาเจรจาชี้แจงให้ทางปู่ฤๅษี ทราบ โดยทางเต็นท์รถระบุว่า ทางผู้เช่าซื้อจัดไฟแนนซ์แล้วไม่ผ่าน ทางเต็นท์จึงทำการจัดไฟแนนซ์ให้เอง โดยคิดดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 5 ต่อปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook