“เอ็ม” ก้มกราบเท้าขอขมาญาติเศรษฐินี รับสารภาพหมดเปลือก อ้างมีปัญหาการเงิน

“เอ็ม” ก้มกราบเท้าขอขมาญาติเศรษฐินี รับสารภาพหมดเปลือก อ้างมีปัญหาการเงิน

“เอ็ม” ก้มกราบเท้าขอขมาญาติเศรษฐินี รับสารภาพหมดเปลือก อ้างมีปัญหาการเงิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันนี้(1พ.ย.62) ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 พลตำรวจโทประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการจับกุมตัวนายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร์ หรือ เอ็ม อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดลำปาง ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฆ่า นางสาววรรณี จิรเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี เศรษฐินีนักปฏิบัติธรรม ซึ่งถูกพบศพถูกยัดใส่ตู้เย็นและโรยปูนซีเมนต์ทับอำพรางไว้ในบ้านของผู้ตาย ที่อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ กระทั่งเพิ่งพบศพเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา และจากการรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับนายวิฑูรย์ กระทั่งไล่ล่าจับกุมตัวได้ที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวานนี้(31 ต.ค.62)

โดยในช่วงก่อนการแถลงข่าว ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายวิฑูรย์ขึ้นไปบนอาคารสำนักงาน ทางญาติของนางสาววรรณี ได้เข้าไปสอบถามนายวิฑูรย์ถึงการก่อเหตุ ซึ่งนายวิฑูรย์ได้ก้มลงกราบขอโทษ พร้อมยอมรับว่าก่อเหตุในครั้งนี้ได้เงินไปเกือบ 2 ล้านบาท และใช้จ่ายไปแล้วบางส่วน ส่วนรถยนต์ของผู้ตายนั้น ไม่ได้นำไปขายหรือจำนำ เพียงนำไปฝากไว้กับเพื่อนที่รู้จักกันเท่านั้น

 

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน กรณีเมื่อวันที่ 27 ต.ค.62 มีผู้พบศพนางสาววรรณี จิรเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี เสียชีวิตภายในตึกแถวแห่งหนึ่งในตัวอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยสภาพศพซุกซ่อนอยู่ภายในตู้เย็นปิดทับด้วยผมปูนซีเมนต์ เบื้องต้นมีทรัพย์สินที่หายไปคือบัตรกดเงินสดเอทีเอ็มและรถยนต์เก๋งยี่ห้อ BMW รุ่น X1 ต่อมามีพยานหลักฐานตามสมควรได้เสนอศาลจังหวัดฮอด อนุมัติหมายจับนายวิฑูรย์ ในข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและรับของโจร ต่อมากองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 และตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกับกองบังคับการปราบปรามและกองบังคับการตำรวจรถไฟ,กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง,ตำรวจภูธรภาค 6, ตำรวจภูธรภาค 7 และกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สืบสวนติดตามจับกุมนายวิฑูรย์ ซึ่งพบพฤติการณ์ของนายวิฑูรย์ว่า ลักทรัพย์รถยนต์ของผู้เสียชีวิตไปขับขี่ และนำบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียชีวิตไปกดเงินสด แล้วหลบหนีออกมาจากพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ต่อเนื่องจังหวัดระยอง,กรุงเทพฯ และจังหวัดนครปฐม

กระทั่งต่อมาวันที่ 29 ต.ค.62 ได้สืบสวนติดตามทราบว่านายวิฑูรย์ นำเงินสดประมาณ 1.7 แสนบาท ไปซื้อรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ที่จังหวัดนครปฐมและใช้รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวเป็นพาหนะในการหลบหนีโดยใช้เส้นทางสายรองเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดนครปฐม,กาญจนบุรี,ราชบุรี,สุพรรณบุรี,อุทัยธานีและนครสวรรค์ จนกระทั่งวันที่ 31 ต.ค.62 เวลาประมาณ 14.00 น.เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวนายวิฑูรย์ได้ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปตามเส้นทางหลวงชนบทหมายเลข 107 2 โดยจับกุมได้ในช่วงกิโลเมตรที่ 6 หมู่ที่ 16 บ้านวังสวัสดี ตำบลหนองกระโดน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งนายวิฑูรย์ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมของกลางด้วยเงินสด 1,267,460 บาท, รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ Honda รุ่น Forza 300 สีดำ ราคาประมาณ 170,000 บาท และสร้อยคอทองคำ น้ำหนักประมาณ 76 กรัม หรือ 5 บาท จำนวน 1 เส้น ราคาประมาณ 1 แสนบาท และทรัพย์สินอื่นๆ

ส่วนขั้นตอนการลงมือก่อเหตุนั้น นายวิฑูรย์ อ้างว่าลงมือก่อเหตุช่วงเช้าวันที่ 11 ตุลาคม 2562 โดยทำทีไปเคาะประตูบ้านเรียกหาผู้เสียชีวิต เมื่อแง้มเปิดประตูออกมา เห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยกัน จึงได้สบโอกาสลงมือทำร้ายร่างกาย และบังคับเอาบัตรเอทีเอ็มและรหัสมาได้

จากนั้นได้ไปทดลองกดเงินสดดูว่าใช้การได้หรือไม่ เมื่อพบว่าใช้การได้จึงได้ย้อนกลับมาลงมือฆ่า นางสาววรรณี เป็นเหตุทำให้เสียชีวิต ต่อมาในวันที่ 13 ตุลาคม ได้ย้อนกลับมาที่จุดเกิดเหตุ เพื่อจัดการอำพรางศพ ยัดเข้าตู้เย็นและโบกปูน โดยหลังจากนั้นได้นำบัตรเอทีเอ็มของเหยื่อไปตระเวนกดเงินสดต่างจุดต่างๆ ได้เงินไปทั้งสิ้นประมาณ 1.7 ล้านบาท

ขณะที่แรงจูงใจก่อเหตุนั้น เนื่องจากมาจากมีปัญหาทางการเงิน และปัญหาในครอบครัว อ้างว่าจะไปขอให้ผู้เสียชีวิตช่วยดาวน์รถสองแถวให้ เพื่อนำมาขับรับจ้างประกอบอาชีพ ทั้งนี้จากหลักฐานร่องรอยต่างๆ ในที่เกิดเหตุและพฤติการณ์ทั้งหมดเชื่อว่านายวิฑูรย์ น่าจะก่อเหตุเพียงคนเดียวเท่านั้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook