จ่อออกหมายเรียกรุ่นพี่โหด รับน้องปี 1 ด้วยไม้หน้าสาม อ้างเป็นประเพณีสืบทอด

จ่อออกหมายเรียกรุ่นพี่โหด รับน้องปี 1 ด้วยไม้หน้าสาม อ้างเป็นประเพณีสืบทอด

จ่อออกหมายเรียกรุ่นพี่โหด รับน้องปี 1 ด้วยไม้หน้าสาม อ้างเป็นประเพณีสืบทอด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีโลกโซเชียลแชร์ภาพรับน้องโหด มหาวิทยาลัยชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ ผู้ปกครองสุดทนให้ลูกยื่นใบลาออก ชี้รุ่นพี่ทำเกินเหตุ เรียกร้องขอให้มีการตรวจสอบ ขณะที่อดีตนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะประมง แจ้งความดำเนินคดี รุ่นพี่ทำร้ายร่างกายขณะรับน้อง

>> แฉ ม.ดัง เชียงใหม่ รับน้องโหด ไม้หน้าสามห่อผ้าฟาด-มีผู้หญิงถูกตีจนขาหัก

นางลลิตภัทร อายุ 48 ปี ผู้ปกครองน้องโฟล์ค หนึ่งในนักศึกษาที่ระบุว่าถูกรับน้องในลักษณะดังกล่าว ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ลูกชายของตนเป็นอีกเคสที่เกิดขึ้นจากการรับน้องในมหาวิทยาลัยดังกล่าว ซึ่งได้เรียนที่คณะเทคโนโลยีการประมงและทรัพยากรทางน้ำ  โดยถูกรุ่นพี่ตีด้วยมืออย่างรุนแรงจนเป็นรอย ลูกชายระบุว่ารุ่นพี่ได้ทำกิจกรรมรับน้องที่เรียกว่า “ 7 วันอันตราย”  ซึ่งจัดขึ้นหลังจากมหาวิทยาลัยเปิดเทอม แม้จะรุนแรงแต่ลูกชายก็อดทนทำกิจกรรมจนผ่านมาได้

แต่หลังจากนั้นทางรุ่นพี่ก็ยังมีการจัดกิจกรรมรับน้องอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ และเห็นว่ากิจกรรมที่ทำนั้นมีความรุนแรง ทารุณรุ่นน้อง จึงได้เอามาแอบเล่าให้กับทางผู้ปกครองฟัง เนื่องจากก่อนทำกิจกรรมทางรุ่นพี่ได้มีการให้รุ่นน้องสาบานว่าจะไม่เอาเรื่องราวการจัดกิจกรรมนั้นไปเผยแพร่ให้ใครทราบ แม้กระทั่งผู้ปกครอง แต่เนื่องจากลูกชายของตนทนไม่ไหวจึงเอามาเล่า พร้อมทั้งได้มีการส่งภาพร่องรอยที่ถูกรุ่นพี่ทำร้ายให้ดูด้วย โดยได้ส่งภาพมาเมื่อค่ำคืนเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 4 ต.ค.62 ที่ผ่านมา 

รุ่นน้องให้ปากคำ

เมื่อตนเห็นภาพก็ถึงกับตกใจและตัดสินใจนำหลักฐานเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ในช่วงเช้าของวันที่ 5 ต.ค.62 ที่ผ่านมา แต่ทางตำรวจแจ้งว่า การดำเนินการดังกล่าวจะต้องไปพูดคุยกับทางมหาวิทยาลัยเสียก่อน จึงจะสามารถดำเนินการกับคนที่กระทำความผิดได้ เมื่อตนได้เข้าไปพูดคุยกับทางมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น จึงตัดสินใจนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาโพสต์เพื่อต้องการเรียกร้องให้ทางมหาวิทยาลัยมีการตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แม้ว่าทางมหาวิทยาลัยนั้นจะมีการติดป้ายว่าไม่ส่งเสริมให้มีการรับน้องรุนแรง หรือไม่สร้างสรรค์แล้วก็ตาม แต่ก็มีรุ่นพี่บางกลุ่มยังละเมิดกฎและแอบเอารุ่นน้องไปทำกิจกรรมในที่ลับตาคน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ตนได้ทราบจากลูกชายมาทั้งหมด

หลังจากเกิดเรื่องถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้า  ตนเองจึงตัดสินใจให้ลูกชายยื่นใบลาออกกับทางมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะกลัวว่าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ก็จะมีผลกระทบกับลูกชาย แม้ว่ากิจกรรมดังกล่าวจะถือเป็นธรรมเนียมที่รุ่นพี่ถือปฏิบัติกันมาต่อเนื่องก็ตาม แต่ตนเองเห็นว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงและทารุณมากเกินไป

ตอนแรกตนสนับสนุนให้ลูกชายเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้อย่างเต็มที่ เพราะลูกชายตั้งใจจะมาเรียนที่สาขานี้อีกทั้งยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ลูกชายได้โควต้าด้วย แต่สุดท้ายกลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้จึงทำใจยอมรับไม่ได้ ส่วนการดำเนินการนั้นยังคงรอทางมหาวิทยาลัยเซ็นอนุมัติการยื่นใบลาออกอยู่ และ ต้องยอมให้ลูกชายดรอปเรียนไป 1 ปี จากนั้นจึงจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยอื่นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยากให้ทางมหาวิทยาลัยตรวจสอบและแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับนักศึกษาที่ตั้งใจเข้ามาเรียนอีกในอนาคตด้วย

ต่อมา พ.ต.อ.ณฐภณ  แก้วกำเนิด ผู้กำกับการ สภ.แม่โจ้ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน และ ชุดสืบสวน นำผู้ปกครองและผู้เสียหายชี้จุดที่ถูกทำร้ายภายในมหาวิทยาลัย หลังจากนั้น พ.ต.อ.ณฐภณ ได้เชิญอาจารย์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมผู้ปกครองของรุ่นน้องมาพูดคุยหาทางออก โดยฝ่ายอาจารย์ ได้กล่าวว่าที่ผ่านมาไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด เนื่องจากขณะก่อเหตุนักศึกษาที่ถูกทำร้ายจำหน้ารุ่นพี่ที่ลงมือทำร้ายไม่ได้ เมื่อเรียกรุ่นพี่มาสอบถามทุกคนต่างปฏิเสธ ทำให้ยังไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำความผิดได้ และ พร้อมจะนำรายชื่อรุ่นพี่ทั้งหมดมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ผกก.สภ.แม่โจ้ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่ได้รับความร่วมมือจากอาจารย์มหาวิทยาลัยแม่โจ้เท่าที่ควร โดยอ้างว่านักศึกษาอยู่ในช่วงการปิดภาคเรียน จึงติดต่อนักศึกษาไม่ได้ หลังจากนี้จะขอรายชื่อนักศึกษารุ่นพี่ทั้งหมดที่เข้าร่วมรับน้องในวันดังกล่าวและเตรียมออกหมายเรียกเพื่อสอบปากคำ เบื้องต้นทราบว่ามีกว่า 10 คน

เหตุการณ์ที่กิดขึ้น ล่าสุดมหาวิทยาละยแม่โจ้ ได้ชี้แจงผ่านเพจ Maejo University มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ระบุว่า เบื้องต้นมหาวิทยาลัยได้ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง พบว่ามีนักศึกษากลุ่มหนึ่งไปทำกิจกรรมภายนอกมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้รับอนุญาต อยู่นอกเหนือจากกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยกำหนด ซึ่งเป็นการกระทำเกิดกว่าเหตุ และเป็นความผิดที่มหาวิทยาลัยห้ามโดยเด็ดขาดมีโทษทางวินัยนักศึกษา

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอชี้แจงว่า ไม่มีนโยบายให้จัดกิจกรรมรับน้องนอกเหนือจากที่มหาวิทยาลัยกำกับดูแล และการจัดกิจกรรมต่างๆ มหาวิทยาลัยกำหนดให้ต้องมีเจ้าหน้าที่ หรืออาจารย์ ควบคุมดูแลในทุกกิจกรรม หากมีการกระทำนอกเหนือจากที่มหาวิทยาลัยกำหนด ถือว่ามีโทษทางวินัยนักศึกษา ผู้กระทำผิดจะถูกตัดคะแนนความประพฤติ พักการศึกษา หรือไล่ออก ซึ่งได้ออกประกาศในมาตรการการควบคุมดูแลการพัฒนานักศึกษา และบทลงโทษที่ชัดเจน

มหาวิทยาลัยขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างสูงกับนักศึกษาและครอบครัวผู้เสียหาย อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยจะเร่งดำเนินการจัดการผู้กระทำความผิดตามมาตรการควบคุมดูแลการพัฒนานักศึกษา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด

 

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook