เปิดทุกเรื่อง "ไมค์ ภัทรเดช" ทิ้งงานประจำที่จีน สู่เส้นทางบันเทิงความสำเร็จที่แลกมาด้วยน้ำตา

เปิดทุกเรื่อง "ไมค์ ภัทรเดช" ทิ้งงานประจำที่จีน สู่เส้นทางบันเทิงความสำเร็จที่แลกมาด้วยน้ำตา

เปิดทุกเรื่อง "ไมค์ ภัทรเดช" ทิ้งงานประจำที่จีน สู่เส้นทางบันเทิงความสำเร็จที่แลกมาด้วยน้ำตา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นาทีนี้คงไม่มีพระเอกคนไหนมาแรงเท่าหนุ่ม ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี หรือ เสือผา จากละครสุดฮอต มธุรสโลกันตร์ ที่เพิ่งลาจอไปหมาดๆ แม้ละครจะจบแต่ความฮอตของพระเอกยังไม่ซาลงแถมขึ้นแท่นเป็นพระเอกซุป'ตาร์ห้างแตกไปอย่างเต็มภาคภูมิ เพราะไม่ว่าจะไปออกงานที่ไหนก็มีแฟนละครแห่ไปรอให้กำลังใจเสือผาตัวจริงกันจนล้นทะลัก นอกจากนี้หลายคนต่างหันมาสนใจชีวิตความเป็นมาของพระเอกคนนี้ทั้งเรื่องในจอและนอกจอ sanook จึงไม่พลาดบุกไปพูดคุยกับหนุ่มไมค์ถึงความสำเร็จในครั้งนี้ พร้อมกับย้อนรอยเส้นทางกว่าจะได้เป็นดาวดวงเด่นของวงการบันเทิง รวมถึงค้นเรื่องลับๆ ในหัวใจแบบทุกซอกทุกมุมว่ามีอะไรซ่อนอยู่บ้าง

รู้สึกยังไงบ้างที่ "พี่ผา" สร้างปรากฏการณ์ทำให้สาวๆ ค่อนประเทศอยากเป็นเมียโจร

"ดีใจมากเลยครับ ขอบคุณแฟนละครทุกคนที่ติดตามผลงาน เพราะกว่าจะมีพี่ผาได้อย่างวันนี้ผมก็บอกตรงๆ ว่ามันไม่ง่าย ผมก็ทุ่มเทมาครึ่งชีวิตเหมือนกัน เรื่องนี้เหมือนเกิดปรากฏการณ์หลายๆ อย่าง เมื่อก่อนผมคิดว่าผมก็มีคนติดตามเยอะนะ แต่วันนี้กลายเป็นว่าเยอะเพิ่มขึ้นอีกแบบถล่มทลาย ผมไปงานที่ห้างผมเห็นว่ามีคนมานั่งรอเยอะมาก ตอนแรกผมไม่คิดว่าเขามานั่งรอผมพอขึ้นเวทีเราก็ลองซาวด์เช็คดูปรากฏว่าเขากรี๊ดให้เราเสียงดังเลย เราก็เลยรู้ว่าเขามาหาเรา หลังจากนั้นผมไปงานต่างจังหวัดอีกหลายๆ ที่ ก็เป็นแบบนี้ทุกที่  ผมก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ บางคนเขาไม่เคยดูละครไทยเลยแต่เขากลับมาดูเรื่องนี้และชื่นชอบผมก็ดีใจมากครับ"

ตั้งแต่เข้าวงการมาไมค์เคยวาดภาพความสำเร็จแบบนี้ไว้ในหัวบ้างไหม 

"ผมว่าสิ่งนี้คงเป็นความฝันของนักแสดงแทบทุกคนนะครับ ใครจะบอกว่าไม่เคยคาดหวัง ไม่เคยฝันผมคงไม่เชื่อ เพราะเราทำงานทุกวันนี้เราก็คาดหวังให้คนรักในผลงานของเราอยู่แล้ว ผมเองก็ภูมิใจในละครทุกเรื่องที่ผมทำออกมาเพราะผมตั้งใจมากครับ ที่ผมทุ่มเทเพราะผมอยากไปให้สุดความสามารถ อาชีพนักแสดงก็ไม่มีใครรู้ว่าแต่ละคนจะไปได้ไกลแแค่ไหน ผมอาจจะแก่เร็วก็ได้ แต่ทำยังไงให้คุณภาพงานของเรามันเพิ่มตามไปด้วย ผมก็เต็มที่ศึกษางานจากฮอลลีวูด จากงานฮ่องกง ดูการทำงานของเขาและย้อนกลับมาดูตัวเอง ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จเราก็ต้องตั้งใจและทุ่มเท"

ทุ่มเทถึงขั้นไปเรียนบู๊เอง

"ครับ ไปเรียนอยู่ 6 เดือน พองานออกมาคนก็เข้ามาชมว่าเล่นบู๊ได้สวย แข็งแรงดี ผมก็อยากจะบอกว่าผมไปเรียนมา 6 เดือนครับ (หัวเราะ) อาทิตย์ละ  5 วัน วัละ 5-7 ชั่วโมง ระหว่างเรียนก็เจ็บมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว"

อะไรคือแรงขับเคลื่อนทำให้เราต้องทุ่มเทมากขนาดนั้น

"มันคือความสุขของการทำงานครับ ผมไม่อยากต้องมานั่งรู้สึกว่า "รู้งี้" ทำแบบนั้นแบบนี้ดีกว่า เราทำตอนนี้ให้ดีที่สุดไปเลย เอาให้เต็มที่ที่สุดผลออกมายังไงเราจะไม่เสียใจ อย่างเรื่องบู๊ผมก็ตั้งใจทำมันทุกวันๆ จนเอ็นไหล่ฉีก หมอบอกให้พักก่อน ก่อนที่จะต้องถึงขั้นผ่าตัด เพราะถ้าผ่าเราต้องพักฟื้นนาน ตอนนี้ผมก็เลยลดเรื่องบู๊ลงก่อน"

ไมค์อยากเป็นนักแสดงมาตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่า

"ไม่ใช่ครับ ผมเรียนเอกภาษาจีนธุรกิจ จริงๆ ณ ตอนนั้นผมอยากเป็นนักธุรกิจ แล้วผมได้ทุนเรียนที่จีนมีเพื่อนที่นั่นเยอะ ซึ่งตอนเรียนจบออกมาผมได้งานแล้วที่เซินเจิ้นแต่เป็นช่วงที่ได้เล่นละครพอดีแต่เล่นเป็นตัวเล็กๆ นะ ตั้งแต่เด็กจนโตมามีแต่คนบอกว่าผมต้องเป็นดารา มีเพื่อนคนนึงที่โรงเรียนดูไพ่ยิปซีให้ผมเขาเปิดมาเป็นสตาร์ 2 ใบ เขาตกใจมาก บอกว่ายังไงผมก็ต้องเป็นดารา ตอนนั้นผมก็ไม่เชื่อนะ ก็ตั้งใจเรียนจบแล้วก็ได้งาน แต่เป็นช่วงพี่ผู้จัดการคนเก่าเขามาเจอก็ชวนเข้ามาทำงานในวงการ"

แต่วงการก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายคนคิด

"ครับ ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ผมหักเหไปเป็นปีสองปีเลย จนผมมานั่งเสียใจเพราะผมเข้าไปดูเฟซบุ๊กเพื่อนที่เคยเรียนมาด้วยกันแล้วเขาทำงานชีวิตค่อนข้างรุ่งโรจน์ ในขณะที่เพื่อนเขาไปได้ดีไปใช้ชีวิตที่ดูดีมาก แต่ผมกลับกำลังร่อนเร่ทำงานตรงนี้อยู่ ตอนที่เข้าวงการมาใหม่ๆ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ จะได้ทำงานเลย ต้องไปตระเวนเรียนการแสดง เดินสายแคสงานเยอะมาก ผมเข้ามาแคสที่ช่อง 7 ตั้ง 2 รอบกว่าจะได้ เชื่อไหมผมไม่อยากเปิดเฟซบุ๊กเลยเพราะเห็นชีวิตเพื่อนแล้วช้ำ เหมือนอิจฉาชีวิตเขา หลังจากนั้นได้ละครเรื่องแรกเป็นพระรองหลังจากแคสมาเยอะมากและถ่ายทำเป็นปี"

แล้วจุดไหนถึงตัดสินใจทิ้งชีวิตเดิมเพื่อเข้าวงการ

"ก็เราได้ยินมาตลอดว่าเป็นดาราได้เงินเยอะ นี่ผมพูดตรงๆ ไม่ปรุงแต่งเลยนะ (หัวเราะ) ใครๆ ก็บอกว่าเป็นดาราแล้วรวยและถ้าเรามีโอกาสทำไมเราจะไม่เป็นล่ะ แต่ใจจริงก็ยังอยากทำงานอีกทางนึงนะ แต่ทางแม่ผมเองท่านก็บอกว่าลองดูสิโอกาสมันมาแล้ว"

เห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่ทรมานมาก

"ตอนนั้นมาถ่ายละครไม่มีความสุขเลยเล่นๆ ไป 3 เรื่องจนถึงเรื่อง "คมพยาบาท" ตอนนั้นก็ยังไม่เห็นมีความสุขเลย เงินก็ไม่เห็นว่าจะได้เยอะเลย กว่าจะผ่านแต่ละวันมันเหนื่อยมาก โดนผู้กำกับด่าจนร้องไห้ แต่จริงๆ ผู้ใหญ่ที่เขาด่าเพราะเขารักเรา อยากให้งานเราออกมาดี แต่ตอนนั้นความรู้สึกผมคือทุกอย่างอึดอัดไปหมดแต่เรารับงานไปแล้วก็ต้องทำให้จบ

จนถ่ายเรื่องคมพยาบาทจบ ผมเหนื่อยมากกลับไปนั่งอยู่หลังห้องนอนที่คอนโด นั่งเศร้ากินน้ำอัดลมอยู่คนเดียว มองลอดม่านเข้าไปเห็นแม่นอนอยู่ เห็นทุกอย่างที่เรามีตอนนั้น เรามีคอนโด เรามีรถ ก็กลับมาถามตัวเองว่าแค่นี้ยังไม่พอใจอีกเหรอ ผมก็มองกลับไปที่เพื่อนๆ ว่าเขาก็ไม่ได้มีอะไรที่มากกว่าผม แล้วทำไมผมต้องมานั่งเศร้าอยู่เป็นปีๆ หลังจากนั้นผมตั้งใจกว่าเดิมจากจุดนั้นทำให้ผมมีวันนี้ แล้วตอนนี้มันกลายเป็นว่าผมรักสิ่งที่ผมทำ ผมมีความสุขทุกวัน ผมมีความคิดอยากทำโน่นทำนี่เยอะมาก มีเวลาก็ไปนั่งคุยกับพี่ๆ กับผู้ใหญ่ศึกษาจากเขาและรู้สึกว่ามันคุ้มค่าที่ผมสู้ทำมันมาถึงตอนนี้ ผมภูมิใจกับทุกๆ ก้าวที่ผมเป็น ไม่ว่าคนอื่นมองยังไงแต่ผมเต็มที่ที่สุดแล้วครับ"

ของคู่กับคนดังคือข่าวลบๆ ไมค์จัดการมันยังไง

"ผมไม่ได้สนใจทุกกระแส ใครจะพูดอะไรถ้าไม่ได้เป็นความจริง หรือ ไม่ได้ร้ายแรง ไม่ได้มีน้ำหนักมากพอผมก็ปล่อยมันไป"

ที่ไมค์โดนหนักๆ น่าจะเรื่องที่คนคิดว่าเราเข้าไปเกาะกระแส "อั้ม พัชราภา" อยากอัพเกรดตัวเอง

"เราไปเที่ยวกับพี่เขา ไม่ได้จะไปเกาะกระแส ผมไมได้คบพี่อั้มเพื่ออยากได้กระแส ซึ่งต้องบอกก่อนว่าพี่อั้มเขาเป็นคนน่ารักจริงๆ แต่ถามว่าคนมาว่าผมหลายๆ อย่างผมโกรธไหมผมก็ไม่ได้โกรธอะไรนะ แต่ชีวิตผมผมไม่จำเป็นต้องสร้างภาพให้คนมองว่าผมเป็นยังไง ผมจะเป็นตัวผมเองทำในสิ่งที่อยากทำซึ่งไม่ได้ผิดอะไร ผมจะใส่รองเท้าแต่ไปกินข้าวผมก็ทำ ผมจะใส่สูทไปก็ได้ มันแล้วแต่ว่าเราอยากทำแบบไหนมากกว่าเพราะมันคือชีวิตของเรา ผมทำงานมาเหนื่อยแทบตายทำไมผมจะไปเที่ยวไม่ได้ล่ะ

ชีวิตเราเกิดมาเดี๋ยวก็ตาย ทำไมเราต้องจำกัดตัวเองกับคำพูดของคนที่บอกว่าทำแบบนี้มัน "วัวลืมตีน"  เราหาเงินมาแทบตายไม่อยากรู้เหรอว่าของที่อร่อยๆ เป็นยังไง ของแพงรสชาติเป็นยังไงถ้าเรามีกำลังเราก็กินไปสิ ผมหาเงินมาแทบตายมีโอกาสได้ไปเที่ยวกับพี่เขาทำไมเราถึงจะไม่อยากไปล่ะ อย่างพวกพี่ๆ เขาก็เป็นคนธรรมดา พี่อั้มก็กินข้าวข้างทางก็ได้ไม่เห็นมีใครเป็นอย่างที่คนว่าเลยสักคน ผมก็เหมือนกันผมอยู่ไหนก็ได้ ระดับไหนก็ได้ มันอยู่ที่ว่าเราอยากใช้ชีวิตแบบไหนเราแค่ประมาณกำลังของตัวเองว่าเราไหวแค่ไหนไม่ทำให้ตัวเองหรือคนอื่นเดือดร้อนครับ"

เพื่อนสนิทของเราอย่าง "ปุ๊กลุก ฝนทิพย์" ก็เคยโดนเรื่องเดียวกัน

"เราก็เคยคุยกันเรื่องนี้นะ ผมก็บอกเขาว่ามันแล้วแต่คนจะคิดอย่าไปคิดอะไรเยอะ แค่เรารู้ตัวเราเองว่าทำอะไรทุกอย่างก็จบแล้ว อย่างตัวปุ๊กเองถ้าสังเกตุดีๆ เขาก็ไม่ใช่คนที่ตะเกียกตะกายอยากจะเด่นจะดังอะไร เราแค่มีกลุ่มของเราที่เราเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนที่รักกันจริงๆ"

เต็มที่เรื่องงานแล้วเรื่องความรักล่ะเป็นยังไงบ้าง

"เรื่องความรักผมไม่ได้คิดเลย ตอนนี้ผมอยากสร้างตัวเองให้มั่นคงก่อน เหมือนช่วงวัยมันเปลี่ยนไปตอนนี้ผมอยู่ในช่วงที่ความสุขคือการสร้างความมั่นคง อย่างตอนเด็กอาจจะสนใจเรื่องความรักเยอะ แต่ตอนนี้เหมือนโตขึ้นแล้วรู้สึกเฉยๆ กับเรื่องความรักแต่มีความสุขกับงาน มีความสุขมากเวลาเราพัฒนางานแล้วผลลัพธ์ออกมาดี มีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัวกับแฟนคลับ เรื่องความรักปล่อยเป็นเรื่องธรรมชาติมากๆ ครับ"

แต่คนยังจับตามองความสัมพันธ์เรากับปุ๊กลุกอยู่

"เราสองคนยังเรื่อยๆ ครับ พี่ๆ ในกลุ่มจะรู้ว่าแซวยังไงก็ยังลุ้นไม่ขึ้น เอาจริงๆ เรามีความรู้สึกดีให้กันนะซึ่งเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ เลย ผมอยู่กับปุ๊กมาตั้งแต่ละคร "อตีตา" ที่ผมมีทุกวันนี้ได้ต้องให้เครดิตเขาด้วย เขาสอนผมมาเยอะเหมือนกัน เขาถามผมว่า "เธอรักการแสดงไหม?" เราก็อึ้ง แล้วเขาก็ถามต่อว่า "เราสอนเธอได้ไหม?" ก็เป็นจุดที่เขาเข้ามาแนะนำผมในเรื่องการแสดง ทำให้ผมเห็นว่าการแสดงมันมีอะไรเยอะมาก เป็นคนจุดประกายในการแสดงให้กับผมเลย วันนี้คนตอบรับละครผมดี เขาเจอผมเขาก็ปรบมือให้ผม เขาบอกว่าภูมิใจมากที่เห็นผมวันนี้"

แต่สถานะตอนนี้คือ "เพื่อน"

"ครับ เป็นเพื่อนกันไปเรื่อยๆ ผมมีเพื่อนผู้หญิงคนล่าสุดก็เขานี่แหละ บางทีผมก็เป็นเพื่อนสาวของเขา (หัวเราะ)"

ชอบผู้หญิงแบบไหน

"จริงๆ ผมเป็นคนเปิดใจมากๆ เลยนะ ถ้ามีใครเข้ามาผมก็คุยพร้อมที่จะศึกษา แต่คนที่คบกับผมก็ต้องรู้จักผมเหมือนกันว่าผมเป็นคนยังไงต้องยอมรับและเข้าใจว่าทุกวันนี้โฟกัสผมอยู่ที่อะไร ผมชอบผู้หญิงที่ไม่จุกจิก ไม่ขี้นินทาเพราะผมไม่ชอบและผมรำคาญ (หัวเราะ) เวลาเจอกันผมอยากให้เรามีแต่เรื่องบวกๆ มีความสุข ชอบคนที่มีมุมมองบวกๆ ไม่ดราม่ายิ้มเก่งๆ มองปัจจุบันกับอนาคต"

ต้องสวยไหม

"ทุกวันนี้เรื่องหน้าตาคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ ผมว่าอยู่ที่ความประทับใจแรกพบกันมากกว่าถ้าเราประทับใจเราก็จะเปิดใจให้เขา"

ไมค์เจ้าชู้หรือเปล่า

"ถ้าไม่มีแฟนก็ไม่มีกิ๊กนะ หมายถึงถ้าจะมีก็ต้องมีแฟนไปเลย ไม่ใช่คบเล่นๆ  ตอนเด็กๆ ผมเจ้าชู้ เจ้าชู้สุดๆ เลย ตอนม.ปลาย เคยคบซ้อนทีเดียว 7 คน สับรางให้วุ่นไปหมดเลยแต่จะมีตัวจริงอยู่ 2 คน ขนาดตัวจริงยังมี 2 เลยนะ (หัวเราะ) ตอนนั้นภูมิใจมากมีรถไฟชนกันเสียน้ำตากันด้วย"

แล้วเลิกเจ้าชู้ได้ยังไง

"ผมเปลี่ยนเพราะว่ามีผู้หญิงคนนึงที่เขามาคุยกับผม ก็คือเป็นแฟนคนที่ 2 ซึ่งจริงๆ แล้ว เขาเป็นแรกแต่ผมชอบอีกคนนึงอยู่ แต่คนนี้เขามาชอบผมซึ่งผมเองชอบเขานิดนึงแต่ผมก็คบกับเขา ต่อมามีเพื่อนติดต่อคนที่ผมชอบก่อนหน้านี้ให้ผมก็คบกับคนนั้นอีก กลายเป็นซ้อน 2 คน พอคนแรกที่ผมคบเขารู้เขาก็แกล้งทำเป็นไม่รู้มาตลอด

จนวันสุดท้ายเขาเขียนจดหมายมาให้ผม เขาบอกว่าเขาเสียใจมากเขาเป็นทุกข์ มันทำให้ผมรู้สึกว่าผมทำให้ผู้หญิงคนนึงต้องเสียใจและเข้าใจความรู้สึกเขาเพราะเขารักเราจริง หลังจากนั้นมาก็เลิกเจ้าชู้ ไม่มีกิ๊ก ไม่มีแฟน ไม่มีใครเลยเพราะกลัวทำให้คนอื่นเสียใจแล้วก็กลัวกรรมตามสนอง (หัวเราะ) ตอนเด็กๆ ผมแสบมากเป็นเสือเด็ก (หัวเราะ) ทุกวันนี้ผมโตแล้วถ้าผมชอบใครผมก็จะถามว่ามีแฟนไหมถ้าไม่มีคุยกันไหมแล้วก็จะศึกษากันไปเรื่อยๆ จะไม่เร่งรีบเพราะเคยรีบแล้วสุดท้ายก็ไปไม่รอด ศึกษาชีวิตกันและกันไปเรื่อยๆดีกว่าครับ"

 สะสมชื่อเสียงมาเรื่อยๆ พอคนชื่นชอบ มีแฟนคลับเยอะมากขึ้น การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปไหม

"ไม่นะ ผมเป็นตัวของตัวเองที่ไม่ได้ผิดศีลธรรม จริยธรรม อะไร ผมก็เชื่อว่าแฟนๆ ผมเขารักในตัวตนที่ผมเป็น ผมไม่ต้องพยายามเป็นใครเพื่อให้เขารักซึ่งตั้งแต่แรกจนถึงวันนี้ผมก็ไม่เคยต้องพยายามเป็นใครนอกจากตัวเอง และผมแคร์แฟนคลับมากนะ ผมรักคนรอบข้างเหมือนรักตัวเองนั่นแหละ ทุกคนเขาก็มีชีวิตจิตใจ หลายคนบอกว่าที่แฟนคลับผมเยอะเพราะผมใช้เงินพาแฟนคลับไปเลี้ยงโน่นนี่นั่น แต่ผมรู้สึกว่าเขาอุตส่าห์ทุ่มเทเดินทางไปหลายๆ ที่เพื่อไปหาเราทำไมเราจะดูแลเขากลับไม่ได้ล่ะ"

เรื่องสัญญาล่ะ ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าไมค์จะไม่ต่อสัญญา

"ผมเพิ่งคุยกับผู้ใหญ่ของช่องเรื่องโปรเจ็กต์ต่างๆ ที่ผมอยากทำ ตอนนี้ผมยังมีสัญญาอยู่ ผมว่าจะหมดไม่หมดมันไม่สำคัญหรอกตอนนี้ผมไม่ได้คิดจะไปไหน ผมยังทำงานมีความสุข ตราบใดที่เรายังมีความสุขกับงาน ผู้ใหญ่ยังรักและเอ็นดูเราจะไปไหนล่ะ ผมก็ไม่ได้อยากไปไหน สัญญาก็เป็นเรื่องเรื่องหนึ่งความจริงมันอยู่ที่ตัวผมเท่านั้น ระหว่างสัญญา กับ ใจ ใจมันสำคัญกว่า (หัวเราะ) ซึ่งหัวใจผมตอนนี้ผมยังแฮปปี้ครับ"

ตอนนี้ก็ทุ่มเทกับการจัดแฟนมีตติ้งให้แฟนๆ

"ใช่ๆ จะจัดในวันที่ 10 พฤศจิกายน นี้  ผมคิดหลายอย่างอยู่ในหัวมาก อยากทำนั่นทำนี่ให้แฟนๆ เตรียมอะไรไว้ให้เขาและพยายามจะทำออกมาให้ดีที่สุด ก็จะมีโชว์ร้องเพลง เล่นเกมส์ ถ่ายรูป และอีกอย่างอยากจะบู๊ให้ดูแต่ว่าผมมีอาการบาดเจ็บจากการบู๊มาเลยคิดว่าอาจจะไม่คุ้มก็เลยพยายามเตรียมอย่างอื่นไว้ให้ อยากให้ทุกคนที่มาร่วมแฟนมีตรู้สึกมีความสุขที่สุดครับ"

 สุดท้ายให้ไมค์ฝากถึงแฟนๆ หน่อย

"ฝากถึงเมียๆ ของพี่ผานะว่า "เป็นเมียพี่แล้วก็ต้องรักพี่จริงๆ นะ จะทิ้งพี่ไม่ได้นะ" ก็อย่าลืมกันนะขอบคุณที่ให้กำลังใจ ติดตามผลงานกันไปเรื่อยๆนะครับ"

เปิดเรื่องลับกันทุกแง่มุมขนาดนี้คงทำให้ได้รู้จักพระเอกฝีมือดีคนนี้กันมากขึ้น ยังไงแฟนๆ ละครก็อย่าลืมส่งแรงเชียร์ให้หนุ่มคนนี้มีแรงสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ออกมาอีกเยอะๆ นะคะ

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ

อัลบั้มภาพ 29 ภาพ ของ เปิดทุกเรื่อง "ไมค์ ภัทรเดช" ทิ้งงานประจำที่จีน สู่เส้นทางบันเทิงความสำเร็จที่แลกมาด้วยน้ำตา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook