ดราม่าล่อซื้อกระทงเด็กวัย 15 ตำรวจโอดกลายเป็นแพะ โดนด่าทั้งที่ไม่มีส่วนรู้เห็น
ความคืบหน้าคดี เด็กหญิงวัย 15 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ถูกตัวแทนลิขสิทธิ์ดำเนินการล่อซื้อจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เนื่องจากเด็กหญิงคนดังกล่าวได้ประดิษฐ์กระทงขาย โดยติดรูปตัวการ์ตูนดัง ก่อนที่จะมีการล่อซื้อ ให้เด็กหญิงนำกระทงดังกล่าวมาส่งที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา และจับตัวเด็กหญิงไปดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนครราชสีมา พร้อมเรียกเงินค่าปรับจำนวน 50,000 บาท เพื่อเป็นการไกล่เกลี่ย แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเจรจาให้จนกระทั่งตกลงจ่ายค่าปรับไปที่ 5,000 บาทนั้น
>> เด็กหญิงวัย 15 ทำกระทงลายการ์ตูนขาย ถูกจับละเมิดลิขสิทธิ์ เรียกค่าปรับ 5 หมื่น
>> ทนายดังซัดล่อซื้อเด็กหญิงวัย 15 ปี จับทำ "กระทงลิขสิทธิ์" เป็นวิธีการที่สกปรกที่สุด
ล่าสุด เย็นวันนี้ (5 พ.ย.62) พ.ต.อ.คเชนท์ เสตะปุตตะ ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ต้องยอมรับว่ารู้สึกอึดอัดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกลายเป็นแพะของสังคม เนื่องจากหลายคนกังขาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปมีส่วนร่วมกับกรณีที่เกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ต้องขอยืนยันว่า ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย และไม่มีส่วนรู้เห็นกับผู้กระทำผิดแต่อย่างใด และกำลังเร่งสืบสวนทำความจริงให้กระจ่าง
ซึ่งในส่วนของผู้ที่ถูกกลุ่มคนดังกล่าวล่อซื้อและจับมาเรียกเงินปรับค่าลิขสิทธิ์ ได้มีการกำลังรวมตัวกันเตรียมเดินทางมาพร้อมกับ ทนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ให้ดำเนินคดีเอาผิดกับกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ในข้อหากรรโชกทรัพย์นั้น ทางเจ้าหน้าที่ฯ พร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ส่วนเรื่องหนังสือมอบอำนาจจากบริษัทตัวแทนลิขสิทธิ์ ที่กลุ่มคนที่มาล่อซื้อกล่าวอ้างนั้น ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดก่อน
ซึ่งขณะนี้ ทนายความของบริษัท San-X ประเทศญี่ปุ่น ของ เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนที่แท้จริง ได้ติดต่อประสานเข้ามาแล้วและจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันต่อไป ส่วนเรื่อง บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนลิขสิทธิ์ ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรจะนำมาแจ้งให้ทราบอีกที
พ.ต.อ.คเชนท์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หากหลังจากตรวจสอบข้อมูลทั้งหมด ทั้งเรื่องลายเซ็นของบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างทั้งหมด ว่าเป็นลายเซ็นจริงหรือไม่ รวมถึงเอกสารต่างๆ เป็นเอกสารจริงหรือเท็จ แล้วกลับพบว่า กลุ่มคนที่มาล่อซื้อแล้วจับมาเรียกเงินค่าปรับลิขสิทธิ์กระทำการแอบอ้าง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินคดีตามพยานหลักฐานที่มี ในข้อหาแจ้งความเท็จ ส่วนผู้ที่ถูกล่อซื้อแล้วจ่ายค่าปรับลิขสิทธิ์ไปโดยมิชอบ ถ้ายังติดใจสามารถมาแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ล่อซื้อนี้ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่พร้อมจะรับเรื่องร้องทุกข์ และให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่
โดยหลังจากหารือตรวจสอบข้อมูลร่วมกับทนายของบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์แล้ว คาดว่าภายใน 2 วัน น่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับหลักฐานเอกสาร และการมอบอำนาจต่างๆ ซึ่งหลังจากนั้นจะได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป พ.ต.อ.คเชนท์ กล่าว