"นิหน่า" เปิดใจเล่าถึงก้อนเนื้อร้ายที่ตับ "แบงค์ พชร" ตอนนี้ฝ่อไปแล้ว แต่ยังไม่วางใจ
ถึงแม้จะเกิดอาการเครียดอยู่ไม่น้อย เมื่อทราบว่าสามีหนุ่ม แบงค์-พชร ปัญญายงค์ พบก้อนเนื้อร้ายที่ตับ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ นิหน่า-สุฐิตา ปัญญายงค์ ยอมแพ้ ทั้งยังเป็นกำลังใจสำคัญในการช่วยกันจับมือฟันฝ่าอุปสรรคที่เกิดขึ้นอีกด้วย
ล่าสุด นิหน่า ได้ออกมาอัปเดตอาการให้กับสื่อมวลชนได้ฟังอีกครั้ง โดยเจ้าตัวได้เผยว่าตอนนี้เนื้อร้ายได้ตายไปแล้วจากวิธีการใช้ความร้อนทางแพทย์ ซึ่งต้องติดตามผลไปเรื่อยๆ เพื่อเฝ้าดูสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น และยังไม่มีการยืนยันว่าหายขาดแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ด้าน แบงค์ ก็ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตต่างๆ ให้รับมือได้ทัน ส่วนตัวเธอเองนั้นพยายามจะไม่เครียด และจับมือสามีสู้โรคร้ายไปด้วยกัน
อัปเดตอาการสามี เป็นอย่างไรบ้าง ?
“ตอนนี้ต้องติดตามไปเรื่อยๆ ค่ะ ทุกๆ 3 เดือนจะไปตรวจ MRI อีกทีหนึ่งว่าเป็นยังไงบ้าง มีอะไรปกติดีไหม มีอะไรโผล่ขึ้นมาใหม่ไหม หรือว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม ประมาณนั้นค่ะ”
แสดงว่าตอนนี้หายขาดแล้ว ?
“มันก็พูดยากเนอะ ตอนนี้เท่าที่ดู MRI รอบล่าสุด ตัวสี่เซนมันตายไปแล้ว ใช้วิธีความร้อน หมอเขาก็จะไม่พูดอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าหายแน่นอน เพราะสุดท้ายเราก็ต้องดูไปเรื่อยๆ อยู่ดี ว่ามันหมดไปจริงหรือเปล่า จะมีอะไรขึ้นมาใหม่ไหม ซึ่งมันก็เป็นแนวทางที่ต้องติดตามต่อไป”
ยังมีอะไรที่ต้องกังวลไหม ?
“พอมันไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็ต้องเฝ้าระวังไปเรื่อยๆ เป็นลักษณะของการดูแลสุขภาพ ทานอาหารให้มีประโยชน์ อะไรที่ไม่ดีกับร่างกายก็ต้องงดให้หมด ออกกำลังกาย ไม่เครียดประมาณนั้น”
ก่อนหน้านี้ไม่ได้ใช้วิธีผ่า ?
“ไม่ได้ผ่าค่ะ คือเป็นลักษณะเอายาเข้าไปที่ก้อนโดยตรง เขาก็จะดูว่าก้อนมันเล็กลงหรือเปล่า พอเล็กลงในจุดที่สามารถใช้ความร้อนจี้ได้ก็จะจี้ ไม่ได้คีโมค่ะ ก็มีคนถามหลังไมค์มาหลายคนเหมือนกันว่า อยากจะรักษาแบบนี้ได้ไหม นิหน่าว่าต้องแล้วแต่เคส ต้องแล้วแต่หมอมากกว่า เพราะว่าแต่ละท่านจะมีอาการไม่เหมือนกัน จุดเริ่มของโรคก็ไม่เหมือนกัน อย่างของพี่แบงค์เขาไม่ได้เป็นไวรัสตับ ไม่ได้เป็นตับแข็ง แต่อยู่ดีๆ มันก็มีก้อนเนี่ยโผล่ขึ้นมา แล้วเราตรวจร่างกายเจอ วิธีการรักษามันอาจจะต่างกันไปแต่ละคน”
ถือว่าเจอได้เร็ว ?
“ก็ถือว่าเจอเร็ว คือเจอเร็วแต่มันก็ใหญ่เร็ว เพราะว่าระยะเวลาแค่ปีเดียวเองที่ตรวจร่างกายครั้งที่แล้ว พอตรวจร่างกายครั้งต่อมา มันขึ้นมา 4 เซน อาจจะมีอัตราเร่งจากการใช้ชีวิตของเขาด้วยและอะไรหลายๆ อย่าง”
หลังจากที่ตรวจเจอครั้งแรก ?
“ตกใจค่ะ ดูจากฟิล์มมันดูยากว่าเป็นเนื้ออะไร เพราะมันยังเป็นทรงกลม ก็ต้องปรึกษาคุณหมอหลายท่านเหมือนกัน ต้องเจาะมาดูว่าผลมันเป็นยังไง เพิ่งไปตรวจมาล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน จะไปตรวจอีกทีเดือนธันวาคม ก็จะไปเช็กอัพ 3 เดือนครั้ง ก็จะเป็น 3 เดือนครั้ง ไปประมาณปีถึงสองปี ถ้ามันนิ่งก็ต้องไป 6 เดือนครั้งหนึ่ง ห่างขึ้นเรื่อยๆ”
ตรวจเพื่อความแน่ใจว่าไม่มีแล้ว ?
“ใช่ค่ะ เพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่มีอะไรขึ้นมาใหม่ในนั้น”
อยู่ที่โรงพยาบาลนานแค่ไหน ?
“ตั้งแต่รู้เรื่องเดือนพฤษภาคม แอดมิทไป 2 คืนเองค่ะ ก็คือ 2 ครั้ง ครั้งละคืนก็ออกไม่ได้นอนโรงพยาบาลนาน”
พฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปเลยไหม ?
“ตอนนี้สายคลีนค่ะ คลีนมาก เป็นสามีคนใหม่ ทานกาแฟ เพราะว่าเขามีวิจัยว่ากาแฟช่วยยับยั้ง กาแฟดำนะคะ ไม่ใส่น้ำตาล ช่วยยับยั้งเรื่องของการเกิดมะเร็งในตับได้ ก็เลยหันมาสนใจกินกาแฟ พอกินข้าวเสร็จก็จะชวนภรรยาไปคาเฟ่ เราก็มองว่าดีเหมือนกัน”
เปลี่ยนวิถีชีวิตของเราไปด้วย ?
“ใช่ค่ะ ปกติมื้อเย็นเราจะหาอะไรกินกันไปเรื่อยเปื่อย มีอะไรก็กิน ตอนนี้จะเริ่มมื้อเย็นเป็นผัก เพราะว่าเช้า กลางวัน บางทีเราออกไปทานข้างนอก เลือกได้ไม่มาก ก็พยายามเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ มื้อเย็นเรามานั่งทานผักกัน ก็ดีเราก็ผอมด้วย สามีก็ได้สุขภาพดีด้วย แล้วเขาก็จะเริ่มวิ่ง รายการไหนมีวิ่งก็จะไปวิ่ง เดินออกกำลังกายมากขึ้น ส่วนพวกเนื้อสัตว์ก็ยังทานนะคะ เอาจริงๆ คุณหมอก็ไม่ถึงขั้นต้องห้าม แต่ให้เลือกทานอาหารที่สะอาด ปรุงใหม่ อย่ากินอะไรซ้ำๆ กันบ่อยๆ”
ปาร์ตี้สังสรรค์ไม่เอาเลย ?
“เดี๋ยวนี้เขากลับบ้านเร็วกว่านิหน่าอีก บางทีเราอยู่กับเพื่อน เขาก็อยากจะกลับบ้านแล้ว พาลูกกลับก่อนนะให้เราอยู่ต่อก็ได้ ไม่มีดื่มเลย เป็น พชร สายคลีน”
เหมือนได้สามีคนใหม่ ?
“ก็ดีเหมือนกัน (หัวเราะ) ตอนนี้เราพูดกันเล่นสนุกได้เนอะ พอเราเครียด เขาก็จะเครียด ถ้าเรามองสิ่งเหล่านี้มันเข้ามาหาเรา โชคดีที่เราเจอเร็ว โชคดีที่มันทำให้เขาเปลี่ยนในการใช้ชีวิต มันเป็นเรื่องที่โอเค ที่เหลือเราก็ทำใจให้โอเค สู้กับมันไป ตอนนี้มันยังไม่มีอะไรที่เกิดขึ้น เราก็อย่าเพิ่งไปกังวลกับสิ่งที่มันยังไม่เกิด ดีอีกอย่างหนึ่งตั้งแต่มีเรื่องนี้ หลายๆ คนก็ส่งข้อความมาหาเรา ว่าเขารีบไปตรวจร่างกายเลยนะ อย่างแบงค์ไม่เคยแอดมิทเลยก็ยังเกิดเรื่องอย่างนี้ได้ เราก็ดีใจที่มันเป็นอุทาหรณ์ให้หลายๆ คนเขาหันมาตรวจสุขภาพทุกปี และมาใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น”
ในมุมของคนที่อยู่ข้างๆ คนที่เป็นโรคนี้ ต้องให้กำลังใจตัวเอง และคนข้างๆ เรายังไง ?
“พอดีมีรุ่นพี่ท่านหนึ่งเขาเตือนสติเรา เขาบอกว่าวันนี้เรารู้เท่านี้ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเท่านี้ มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะไปคิดถึงเรื่องวันข้างหน้าว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจะเป็นอย่างนี้ไหม เพราะมันอาจจะเกิดหรืออาจจะไม่เกิดก็ได้ แล้วเราจะเอาเวลาที่มีอยู่ตอนนี้ไปนั่งเครียด นั่งกังวล กับเรื่องพวกนั้นยังไง พอคิดได้อย่างนี้เราก็จะนิ่งขึ้น พี่แบงค์เขาก็จะเห็นว่าเรานิ่งขึ้นจริงๆ ไม่ได้แกล้ง คือคนเราถ้าแกล้งไม่เครียด กับไม่เครียดจริงๆ มันดูออก แล้วพอเราไม่เครียดเขาก็จะไม่เครียด ทุกคนในครอบครัวก็ไม่เครียด เราก็ปกติ เพียงแต่จะมีคนมาถามไถ่เป็นห่วงเยอะ เขาก็จะบอกว่าโอเค ตอนนี้ทุกคนโอเค ก็รู้สึกดีที่มีคนห่วงเราเหมือนกัน ก็ต้องขอบคุณด้วยค่ะ”
>>"แบงค์ พชร" เขียนซึ้งถึง "นิหน่า" กำลังใจสำคัญ ช่วยหาทางสู้ในวันที่ตรวจพบก้อนเนื้อที่ตับ
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ