"เปิ้ล นาคร" เหมือนได้ชีวิตใหม่ หูดับเฉียบพลัน หายแล้ว! 20 วันที่ผ่านมาไม่ง่ายเลย
อาการ หูดับเฉียบพลัน ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ทำการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมานานกว่า 20 วัน ล่าสุดพิธีกรหนุ่มอารมณ์ดี เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย ก็ได้ถือโอกาสออกมาอัปเดตข่าวคราวให้แฟนๆ ได้คลายความเป็นห่วงอีกครั้ง กลางงาน Jet Ski World Cup 2019
ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า ตอนนี้อาการโดยรวมของหูข้างซ้ายดีขึ้นกว่าเดิม 100 เปอร์เซนต์แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง และป้องกันไม่ให้มีอะไรมากระทบกับหูข้างซ้ายไปก่อนในระยะนี้ พร้อมทั้งออกปากจากนี้คงต้องเปลี่ยนระบบชีวิตใหม่ทั้งหมด ด้วยเหตุผลเดียวคือ อยากอยู่กับครอบครัวไปนานๆ
"สำหรับอาการที่เกิดขึ้นกับหูข้างซ้าย เพิ่งจะสรุปผลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเองครับ และคุณหมอก็บอกว่าตอนนี้หูกลับมาเป็นปกติ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว (ยิ้ม) ตอนนี้ไม่ต้องให้ออกซิเจนแล้ว เพียงแต่มันเหมือนแผลเพิ่งหาย เพราะฉะนั้นเวลาที่ผมไปสถานที่ที่เสียงดัง อย่างเช่นในงานอีเวนต์ ในสนามแข่ง ในผับ หรือว่าภรรยา เสียงดัง ผมก็ต้องระวังมากขึ้น เพราะคุณหมอบอกว่าสาเหตุมันวิเคราะห์ไม่ได้ว่าโรคนี้เกิดจากอะไร แต่ผมคิดว่าน่าจะมาจากภรรยา (หัวเราะ) เพราะว่าพอภรรยาเสียงดังปุ๊บ มันปรี๊ดเข้ามาในหูเลย แต่ตอนนี้มันหายแล้วครับ แค่เวลาที่ได้ยินเสียงดังมันจะเจ็บและก็แสบนิดหน่อย เลยยังต้องมีเครื่องช่วยบรรเทาอาการไปก่อน ซึ่งก็เป็นเครื่องกรองเสียงนั่นแหละครับ เวลาพูดได้ยินปกติ แต่เวลามีเสียงอัดมาดังๆ มันจะเซฟกรองให้เลย”
คุณหมอห้ามอะไรเป็นพิเศษบ้าง ?
“ห้ามทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อน ให้นอนเยอะพักผ่อนมากขึ้น และใช้ร่างกายให้น้อยลง เพราะเมื่อก่อนผมออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 วัน รวมทั้งซ้อมเรือด้วย แถมเวลาประชุมก็ใช้ระยะเวลายาวนาน 3-8 ชั่วโมง ทุกอย่างมันเหมือนผมใช้ร่างกายเยอะเกินเหตุแบบไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นก็เลยต้องลดทุกอย่างลงมาประมาณ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ของการใช้ชีวิตอย่างหนัก”
เห็นว่าคุณหมอห้ามเราเล่นเจ็ตสกีด้วย ?
“ใช่ครับ หมอห้ามเล่นกีฬาหนักๆ หรืออะไรที่มันเสี่ยง ซึ่งผมก็บอกคุณหมอว่า คนละทางแล้วหมอ ผมเชื่อหมอทุกอย่างเลยนะ ยกเว้นเรื่องนี้ เพราะอีกไม่นานผมก็จะเริ่มซ้อมเจ็ตสกีแล้ว เนื่องจากผมต้องเตรียมตัวแข่งขันในงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกงานนี้ไม่แข่งไม่ได้"
คุณหมอห้ามเล่นเจ็ตสกีแต่เราก็ยังเล่น แบบนี้กลัวไหมว่าอาการมันจะกลับมาอีก ?
“ก็ห้ามไม่ได้หรอกครับ ผมก็ยังต้องแข่งอยู่ เพียงแต่การออกกำลังกายก่อนที่จะไปแข่ง ก่อนหน้านี้ผมออกหนักมาก ผมคิดว่าตัวเองยังเจ๋งอยู่ กล้ามเนื้อมาเป็นมัด จากนี้ผมก็คงต้องลดลงบ้างแล้ว ถนอมร่างกายให้มากกว่านี้ ส่วนเรื่องแข่งก็ยังแข่งอยู่ เพราะไม่มีอะไรมาห้ามสิ่งที่ผมรักได้"
ถ้าเราทำในสิ่งที่รัก แต่มีโอกาสกลับไปเป็นแบบ 50:50 เราพร้อมเสี่ยงไหม ?
“คิดว่ามันไม่เสี่ยงหรอก เพราะว่าการแข่งกีฬาถ้าเราออกกำลัง ทำงาน นอนหลับพักผ่อน และใช้ชีวิตให้พอดี มันก็ยังเล่นกีฬาได้อยู่เหมือนกันครับ แต่ถ้าเราใช้ร่างกายเกินลิมิตเพื่อที่จะเอาชนะอย่างเดียว อันนั้นแหละอาจจะเกิดอาการนี้กลับมาอีกครั้งได้ ตอนนี้เราคิดว่าการเล่นกีฬาเป็นกุศโลบายในการบริหารลมหายใจดีกว่า ทำให้มีลมหายใจให้นานที่สุดเพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่เรารักให้นานที่สุด”
ภรรยาเข้าใจเรามากขึ้นไหม เพราะเหมือนเขาเองก็เป็นห่วง ?
“เข้าใจมากเลยครับ เขาบอกเสมอว่าทำอะไรก็ได้ แต่พี่เปิ้ลห้ามตายนะ ส่วนเรื่องเล่นเจ็ตสกีเขาก็ไม่ได้ห้าม เพราะการแข่งขันสำหรับผมตอนนี้ ผมก็คงจะไม่ได้ฟิตหรือซ้อมหนักเพื่อที่จะเอาชนะอะไรขนาดนั้น แต่ผมขอแค่ได้แข่งก็พอใจแล้ว ขอแค่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะเราอยากให้ลูกเห็นเราเป็นนักกีฬา อยากให้เขามีจิตใต้สำนึกของการเป็นนักกีฬาในการใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป”
ขออนุญาตถามถึงค่ารักษาพยาบาล หมดไปเยอะไหม ?
“ไม่ถึงหลักล้านครับ แต่ก็หลานแสน ซึ่งก็โชคดีตรงที่เรามีประกัน มันเลยกลายเป็นโชคร้ายของประกันไป ขอบคุณประกันมากที่น่ารัก และดูแลเราตลอดเวลา”
โลกของคนหูหนวกข้างหนึ่งตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ?
“ผมนึกถึงภาพพระท่านหนึ่งที่ผมและครอบครัวเคารพ เวลาผมไปหาท่านทีไร ท่านก็จะเงี่ยหูฟังแล้วถาม 'อะไรนะ' ตลอด เหมือนได้ยินไม่ชัด ตอนนี้ผมก็เข้าใจแล้วครับ หรือถ้านึกภาพไม่ออกให้ลองหลับตาข้างหนึ่งแล้วเดิน ใช้ชีวิตอย่างนั้น 20 วัน เหมือนคนตาบอดข้างหนึ่ง ซึ่งหูก็เหมือนกัน ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัว”
ถือว่าหนักสุดในชีวิตเลยไหมกับโรคต่างๆ ที่เราเคยเจอ ?
“โรคนี้ถือว่าหนักสุดเลยครับ หายกลับมาได้นี่ดีใจมากๆ ลองไม่มีหูข้างหนึ่ง หรือลองเอามือปิดหูแล้วเดินดู มันไม่ธรรมดาจริงๆ นะ"
เหตุการณ์นี้มันให้แง่คิดกับเรายังไงบ้าง ?
"ผมเพิ่งจะเข้าประชุมกับทีมผู้บริหารที่บริษัทและก็ภรรยาผมเองครับ ซึ่งผมก็บอกกับทุกคนไปว่า ต่อจากนี้ไปผมขอเป็นคนขี้เกียจนะ ขอทำงานน้อยลง 30 เปอร์เซ็นต์ เวลาประชุมที่เคยใช้กัน 8 ชั่วโมง ผมขอแค่ 3 ชั่วโมงนะ เหมือนผมต้องมาบริหารชีวิตตัวเองใหม่ทั้งหมด การทำงานหลังจากนี้ผมคงต้องทำงานกับคนเก่งเท่านั้น เพราะผมคงทำได้แค่คอยดูอยู่ห่างๆ คงไม่ได้ลงไปช่วยหรือไปหยิบจับอะไรเหมือนเดิมแล้ว ก็คือว่าทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตมันก็คงจะเปลี่ยนไปครับ"
แบบนี้การทำงานของเราต้องลดลงด้วยไหม ?
"ต้องลดครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะลดคุณภาพนะ แค่ลดการทำงานของผมลงเฉยๆ และหาคนเก่งเข้ามาอยู่ข้างๆ ให้มากขึ้นแทน ส่วนการรับงานของผม ผมก็ยังคงรับงานปกติครับ เพียงแต่ว่าผมอาจจะต้องเลือกให้มากขึ้นนิดหนึ่ง เนื่องจากงานพวกนี้มันไม่ได้หนักเหมือนกับงานประชุม หรืองานที่ต้องใช้ความคิดเยอะๆ และสำหรับเรื่องการออกกำลังกายหรือการใช้ร่างกาย จากที่เคยใช้เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็คงต้องลดลงมาให้เหลือสัก 70 เปอร์เซ็นต์ครับ เพราะผมอยากจะอยู่ไปถึงอายุจะ 70 ปี"
>> "จูน กษมา" เผยภาพ "เปิ้ล นาคร" สามีเข้ารับการรักษาอาการหูดับ
>> "เปิ้ล นาคร" เผยที่มาอาการหูดับเฉียบพลัน หมอสั่งพักงานรอลุ้นจะหายหรือไม่ได้ยินอีกเลย
>> อาการน่าเป็นห่วง "เปิ้ล นาคร" หูดับเฉียบพลัน 7 วันรักษาไม่หายมีสิทธิ์ไม่ได้ยินตลอดชีวิต
อัลบั้มภาพ 16 ภาพ