สาวอ้างโดนเล่นของ หลังญาติทยอยตาย ที่แท้ฆาตกรต่อเนื่อง แอบวางยาครอบครัวนับสิบปี
ตำรวจอินเดียจับกุมนางโจลิยัมมา โจเซฟ คุณแม่อายุ 47 ปี ชาวรัฐเกระละ ประเทศอินเดีย ด้วยข้อกล่าวหาฆาตกรรมคนอย่างน้อย 3 คน ด้วยการวางยาพิษคนในครอบครัวทีละคน โดยอ้างเรื่องคำสาปกลบเกลื่อน
เรื่องนี้เริ่มขึ้นเมื่อปี 2540 เมื่อนางโจลิยัมมา แต่งงานกับนายรอย โธมัส และย้ายเข้ามาอยู่บ้านของนายรอย แต่เมื่ออยู่กินกันไปนาน 5 ปี คือปี 2545 แม่สามี นางอันนัมมา โธมัส เสียชีวิตด้วยโรคปริศนา แต่ไม่มีการชันสูตรใดๆ เพราะเชื่อว่าน่าจะเป็นโรคประจำตัวของผู้สูงวัย
อ้างคำสาป กลบวางยาพ่อแม่สามี
เพื่อนบ้านคนหนึ่ง ชื่อนายโมฮัมเหม็ด บาวา เผยว่า หลังจากนางอันนัมมา เสียชีวิต บ้านหลังนี้ก็ไม่มีความสุขอีกเลย เมื่อปี 2551 ตนจำได้ว่าได้ยินเสียงคนมีอาการป่วยอย่างรุนแรงในบ้านหลังดังกล่าว และตอนนั้นเอง นางโจลิยัมมา ก็มาเรียกให้ตนไปดูใจพ่อสามี นายทอม โธมัส และเมื่อเดินไปถึงบ้านหลังนั้น ก็พบว่า นายทอม นอนแน่นิ่งและมีน้ำลายฟูมปาก
ตนจึงรีบพานายทอมไปโรงพยาบาล แต่แพทย์ระบุว่า นายทอมเสียชีวิตจากอาการหัวใจวาย ทำให้มรดกของนายทอม ตกไปเป็นของลูกชาย คือ นายรอย และภรรยาของลูกชาย ซึ่งก็คือ นางโจลิยัมมา แต่ตำรวจพบว่า ตอนนั้นทรัพย์สินทุกอย่างของนายทอม ถูกโอนไปเป็นชื่อนางโจลิยัมมาเรียบร้อยแล้ว
นางโจลิยัมมามักบอกเพื่อนบ้านว่า เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเพราะคำสาป
ใส่ไซยาไนด์ในมื้อเย็นสามี-เครื่องดื่มลุงสามี
3 ปีต่อมา คือปี 2554 นายรอย ก็มาเสียชีวิตไปอีกคน โมฮัมเหม็ดเล่าว่า นางโจลิยัมมาเรียกให้ตนไปช่วยสามี และพอตนไปถึงก็พบว่านายรอยนอนอยู่ที่พื้นห้องน้ำ และมีน้ำลายฟูมปากไม่ต่างจากเมื่อนายทอมเสียชีวิต
เมื่อเรื่องทราบไปถึงหูนายแมธิว มันจาดิยิล ลุงของนายรอย ทำให้นายแมธิวไม่พอใจ และยืนยันว่าจะต้องชันสูตร จึงทราบว่านายรอยเสียชีวิตเพราะรับประทานสารพิษชื่อ ไซยาไนด์ เข้าไป
หลังจากนั้นมา นางโจลิยัมมาเริ่มห่างเหินจากคนในชุมชน คนขับรถที่มักขับไปส่งลูกชายของนางโจลิยัมมาและนายรอย ชื่อ นายบิจู มน บอกว่า เมื่อก่อนนางโจลิยัมมาเป็นคนน่ารัก หลายคนมองว่าเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่สุงสิงกับใคร
ด้านโมฮัมเหม็ด เผยต่อไปว่า เมื่อปี 2557 นายแมธิว หรือลุงของนายรอย ก็เสียชีวิตจากอาการหัวใจวายอีกคน ซึ่งภายหลังมาทราบว่า นางโจลิยัมมาใส่ไซยาไนด์ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ดื่ม
แต่งงานใหม่กับญาติสามี หลังฆ่าลูกเมียฝ่ายชาย
ในปีเดียวกัน ด.ญ.อัลฟีน อายุ 2 ขวบลูกสาวของนายชาจู ซาคาริยาส ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับนายรอย เสียชีวิตหลังจากทานอาหารในพิธีรับบัพติศมาของศาสนาคริสต์ และในปี 2559 นางซิลี ภรรยาของนายชาจู ก็เสียชีวิตอีก
แต่แล้วเมื่อปี 2560 แค่ปีเดียวหลังจากนางซิลีเสียชีวิต นายชาจูก็แต่งงานอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะผู้หญิงคนนั้นคือนางโจลิยัมมา
เหตุนี้ทำให้คนใกล้ตัวนางโจลิยัมมาเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นายโรโจ พี่ชายของนายรอย สามีคนแรกของนางโจลิยัมมา จึงเริ่มค้นหาความจริงและพบว่า นางโจลิยัมมา ไม่ได้ทำงานที่มหาวิทยาลัยอย่างที่เธอหลอกคนทุก แต่คนในครอบครัวไม่เชื่อ และคิดว่านายโรโจอิจฉนางโจลิยัมมาที่ได้มรดกทุกอย่างของพ่อแม่นายรอย
พบพิรุธคำบอกเล่า
นายโมฮัมเหม็ด บอกว่า หลังจากนายโรโจขอผลชันสูตรของนายรอยมาดู ก็พบว่า นางโจลิยัมมาโกหกหลายเรื่อง ตนจำได้ว่านางโจลิยัมมาบอกว่าสามีของตนเสียชีวิตตอนที่กำลังทำไข่เจียวให้ทาน แต่ผลระบุว่านายรอยตายหลังจากกินข้าวและแกงกะหรี่ แถมตอนนายโรโจไปถามนางโจลิยัมมาตัวต่อตัว เธอก็ยังยืนยันว่าทำไข่เจียวให้นายรอยทาน
นายโมฮัมเหม็ด นายโรโจ และนางรันจี พี่สาวของนายโรโจ จึงค่อยสืบต่อ และพบว่าทุกครั้งที่มีคนตาย นางโจลิยัมมา อ้างว่าไม่อยู่ในเหตุการณ์ทุกครั้ง
เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจเริ่มกลับมาสืบเรื่องนี้อีกครั้ง และพบว่านางโจลิยัมมาเล่าเรื่องไม่ตรงกับความเป็นจริงหลายจุด หนึ่งในนั้นคือ นางโจลิยัมมา ไม่ได้เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย เท่ากับว่าสิ่งที่นายโรโจเชื่อเป็นจริง ทำให้ตำรวจต้องนำตัวเธอมาสอบสวนอย่างจริงจังอีกครั้ง
เมื่อไม่นานมานี้ นางโจลิยัมมาเพิ่งยอมรับว่าตัวเองฆ่าคนในครอบครัวทั้งหมด 6 คน เพื่อครอบครองสมบัติ จากนั้นเธอก็กำจัดครอบครัวของนายชาจู ซึ่งเพื่อนบ้านคนหนึ่งเผยว่า เคยได้ยินนางโจลิยัมมาพร่ำเพ้อตลอดว่าอยากได้นายชาจูเป็นสามี
ท้ายที่สุด ถ้าหากเรื่องนี้ไปถึงชั้นศาลและพบว่านางโจลิยัมมามีความผิดจริง เธอก็อาจต้องติดคุกตลอดชีวิตหรือโดนประหารชีวิตเลยก็ได้