เปิดวงจรปิดตามไล่ ไอ้หื่นบีบคอเด็กชายเข้าป่า บังคับอมนกเขากว่า 30 นาที
![เปิดวงจรปิดตามไล่ ไอ้หื่นบีบคอเด็กชายเข้าป่า บังคับอมนกเขากว่า 30 นาที](http://s.isanook.com/ns/0/ud/1590/7951130/02sexualharrasmenykid.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
ภาพจากวงจรปิดจับภาพรูปพรรณของหนุ่มปริศนา ใช้กำลังบีบคอเด็กชายวัย 13 ปี ก่อนสั่งให้เขาไปในป่าละเมาะ และบังคับให้ทำออรัลเซ็กซ์นานถึง 30 นาที ตำรวจเร่งตามล่า
จากกรณีที่มีเด็กชายวัย 13 ปี ขี่รถจักรยานเล่นอยู่ละแวกบ้าน ปรากฏว่ามีชายรูปร่างท้วม ผิวคล้ำ เดินเข้ามาบีบคอขู่บังคับเดินเข้าไปป่าละเมาะริมถนน บริเวณชุมชนหนองตุ ด้านหลังวัดวิเวกบูรพาชัย พร้อมกับบีบคอบังคับล่วงละเมิดทางเพศ ให้ทำออรัลเซ็กซ์ให้นานกว่า 30 นาที แต่ไม่สำเร็จความใคร่ ก่อนจะปล่อยตัวเด็กออกมา โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด หลังจากที่ยายของเด็กชายผู้ตกเป็นเหยื่อได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์และให้ปากคำต่อตำรวจสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี โดย พ.ต.ท.วงศกร วันชัย สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี ได้นำกำลังตำรวจสืบสวนลงพื้นที่ และขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการหอพักที่อยู่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เพื่อแกะรอยหาตำหนิรูปพรรณคนร้าย โดยที่มีกล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายได้
เมื่อตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดที่หอพักแห่งหนึ่ง พบว่าคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 20-25 ปี รูปร่างอ้วนท้วม สวมเสื้อกันหนาวสีเหลือง แขนสีเขียว กางเกงยีนส์ขายาว เดินในลักษณะอ้อนแอ้นคล้ายสาวประเภทสอง ออกจากปากซอยบ้านพักของเด็กผู้เสียหาย
จากนั้นได้เดินทางผ่านหน้าหอพักดังกล่าว ออกไปทางปากซอยข้างโรงเรียนบ้านหนองตุ ก่อนเดินกลับออกไปหลังก่อเหตุ โดยเดินผ่านหน้าหอพัก อีกราวๆ ชั่วโมงเศษต่อมา โดยทันทีที่เด็กชายผู้ถูกกระทำเห็นภาพคนร้าย ก็ยืนยันชัดว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยที่ลำคอของเด็กชายยังมีร่องรอยถูกบีบคอบังคับขืนใจอยู่
ทางด้าน ยายของเด็กชาย เปิดเผยว่า ขอบคุณผู้แลหอพักแห่งนี้และในละแวกใกล้เคียงที่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ จนเห็นใบหน้าตำหนิรูปพรรณคนร้ายที่ค่อนข้างชัดเจน และอยากให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะหากยังจับคนร้ายไม่ได้เกรงจะไปก่อเหตุกับเด็กลูกหลานคนอื่นอีก
พ.ต.ท.วงศกร วันชัย สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากลงพื้นที่สืบสวนหาหลักฐานและพยานในชุมชน ทางตำรวจได้หลักฐานมากพอสมควร โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้มาจากความร่วมมือเจ้าของหอพักหลายแห่ง รวมทั้งจากการสอบสวนชาวบ้าน เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายไม่ใช่คนในชุมชน เนื่องจากไม่มีใครรู้จัก หรือเคยเห็นหน้ามาก่อน พร้อมกับประสานงานตำรวจทุกหน่วยให้เพิ่มกำลังในการออกตรวจพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายก่อเหตุซ้ำอีก
ทั้งนี้ ฝากถึงผู้ปกครองให้ดูแลสอดส่องบุตรหลาน ในขณะที่ตำรวจกำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายรายนี้ ถือว่าเป็นบุคคลนี้เป็นอันตรายต่อสังคมมาก และหากประชาชนเห็นภาพคนร้ายผ่านสื่อต่างๆ ให้รีบโทรแจ้งตำรวจทันที อย่างไรก็ตามในพยานหลักฐานที่ทางเรามีอยู่มากพอสมควร ขอยืนยันว่าอีกไม่นานคงจับตัวคนร้ายได้อย่างแน่นอน