"ลุงเห็นต่าง" อาการยังวิกฤต หลังถูกม็อบฮ่องกงทุบตี-จุดไฟเผาทั้งเป็น
ฮ่องกง, 12 พ.ย. (ซินหัว) — ตำรวจเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (HKSAR) ของจีน เปิดเผยว่าเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย.) อาการของชายที่ถูกผู้ก่อจลาจลในฮ่องกงจุดไฟเผาขณะนี้ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต
เมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) ชายวัย 57 ปีรายนี้กล่าวโต้เถียงกับกลุ่มผู้ก่อจลาจลในประเด็นมุมมองทางการเมือง บนสะพานลอยแห่งหนึ่งในย่านหม่าอันซาน (Ma On Shan) จนถูกทุบตีอย่างทารุณ ก่อนที่ผู้ประท้วงคนหนึ่งจะราดของเหลวไวไฟใส่ตัวเขาและจุดไฟเผา
ชายคนนี้ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลปรินซ์ออฟเวลส์ (Prince of Wales Hospital) ด้วยอาการบาดเจ็บขั้นวิกฤต โดยสำนักงานอัคคีภัย (Fire Services Department) ระบุว่าเขามีแผลไหม้ระดับสอง (จากทั้งหมดสามระดับ) และไฟได้คลอกผิวหนังร้อยละ 28 ของร่างกาย
>> โลกประณาม! ม็อบฮ่องกงราดน้ำมัน-จุดไฟเผา "ลุงคิดต่าง" เจ็บปางตาย
ตำรวจฮ่องกงกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันอังคาร (12 พ.ย.) ว่าอาการของชายคนดังกล่าวยังอยู่ในขั้นวิกฤต โดยมีแผลไหม้รุนแรงบริเวณศีรษะและร่างกายท่อนบน ขณะนี้ยังคงรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล
เจียงหย่งเสียง (Kong Wing-cheung) ผู้กำกับการอาวุโสกองสารนิเทศตำรวจ (PRPB) ระบุถึงเหตุดังกล่าวว่าเป็นคดีสะเทือนขวัญที่สุดคดีหนึ่งที่ผู้ประท้วงก่อเหตุรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์แบบสุ่มไม่เลือกหน้า และกล่าวว่าได้ตั้งข้อหาพยายามฆ่ากับผู้ก่อคดีลักษณะนี้
นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน รัฐบาลกลางของจีนออกมาประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำอันโหดร้ายของกลุ่มผู้ก่อจลาจลที่จุดไฟเผาพลเรือน พร้อมเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการจับกุมและลงโทษตามกฎหมายกับผู้ก่อจลาจลกลุ่มนี้
หยางกวง โฆษกประจำสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของคณะมนตรีแห่งรัฐ ระบุว่าเหตุผู้ประท้วงจุดไฟเผาชายคนดังกล่าวและพยายามฆ่าในเวลากลางวันแสกๆ เป็นเรื่องน่าสะเทือนใจและไร้ซึ่งมนุษยธรรม ทั้งยังเป็นการเหยียบย่ำขีดจำกัดขั้นสุดท้ายของหลักกฎหมาย ศีลธรรม และอารยธรรมมนุษย์อย่างร้ายแรง
หยางกล่าวว่า จะไม่ยอมให้ความรุนแรงสร้างความเสียหายให้เกิดกับฮ่องกง และแผนสมคบคิดของกลุ่มผู้สร้างความแตกแยกต่อต้านจีนในฮ่องกงก็จะไม่มีทางทำสำเร็จ
“เราขอยืนหยัดสนับสนุนรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ตำรวจ และองค์กรที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายในการดำเนินการอย่างเต็มที่ แน่วแน่ และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อลงโทษกิจกรรมต่างๆ ที่ผิดกฎหมายและเป็นอาชญากรรม ยุติความรุนแรงและความไม่สงบ ฟื้นคืนระเบียบ ปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของผู้อยู่อาศัยในฮ่องกง ตลอดจนคืนเสถียรภาพและสันติภาพกลับสู่ฮ่องกงและประชาชน” หยาง ทิ้งท้าย