ลุงปิกอัพปาดหน้า-ขวางรถฉุกเฉิน โร่ขอโทษสิ่งที่ทำลงไป วอนสังคมให้โอกาส

ลุงปิกอัพปาดหน้า-ขวางรถฉุกเฉิน โร่ขอโทษสิ่งที่ทำลงไป วอนสังคมให้โอกาส

ลุงปิกอัพปาดหน้า-ขวางรถฉุกเฉิน โร่ขอโทษสิ่งที่ทำลงไป วอนสังคมให้โอกาส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คุณลุงเชียงรายขับปิกอัพปาดหน้า-สกัดรถฉุกเฉินที่มีผู้ป่วยอยู่ด้วย ออกมาขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป ยอมรับผิดทุกอย่าง พร้อมขอสังคมให้โอกาสอีกครั้ง

จากกรณีที่ในสังคมออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ภาพเหตุการณ์รถกระบะอีซูซุ สีดำ ได้ขับปาดหน้าหน้ารถฉุกเฉินของโรงพยาบาลพาน ก่อนจะเกิดการโต้เถียงกันกลางทาง โดยที่เจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่า บนรถมีผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองและญาติจากเดินทางมาด้วย และทำให้ถึงก่อเหตุเช่นนี้ ที่ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน และต่อมาได้มีการระบุเบาะแสของชายคนดังกล่าว และมีบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นลูกชายออกมาขอโทษแทน ตามข่าวที่รายงานไปแล้วนั้น

ล่าสุดชายผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้าพบกับผู้บริหารของโรงพยาบาลพาน เพื่อขอแสดงความรับผิดชอบและขอโทษกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมกับนำกระเช้าดอกไม้เข้าไปมอบให้ผู้บริหารโรงพยาบาล เพื่อแสดงการขอโทษ ซึ่งทาง เภสัชกรหญิงวาสนา เตชะธีราวัฒน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลพาน ในฐานะตัวผู้แทนผู้อำนวยการได้รับมอบ

>> ดราม่าปิกอัพขวางทางรถฉุกเฉิน ลูกชายโผล่ขอโทษแทน ยอมรับ "พ่อเป็นคนขับ"

ชายคนดังกล่าวได้กล่าวขอโทษต่อทั้งโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ภายในรถพยาบาลฉุกเฉิน และผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบ ในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไป รวมทั้งขอโอกาสจากสังคมที่ได้ทำการล่วงล้ำหรือผิดพลาดไปในครั้งนี้ด้วย

ขณะที่ทางโรงพยาบาลก็ได้ขอความร่วมมือไปยังชายคนดังกล่าวและผู้ที่เกี่ยวข้องทั่วไปว่า ในปัจจุบันการรับและส่งผู้ป่วยสำคัญ โดยเฉพาะการส่งต่อจากโรงพยาบาลประจำอำเภอไปยังโรงพยาบาลศูนย์ในตัวเมืองเชียงราย จำเป็นต้องมีรถพยาบาลฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย กระนั้นจากเหตุการณ์นี้ทางโรงพยาบาลก็ถือว่าเป็นอุทาหรณ์และไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใดแต่อย่างใด

เภสัชกรหญิงวาสนา กล่าวว่า การส่งผู้ป่วยอย่างปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญของโรงพยาบาลเพราะเจ้าหน้าที่ต่างก็มีความเป็นห่วงในอาการของผู้ปว่ย ดังนั้นเมื่อมีการใช้ไฟกระพริบหรือไซเรนก็แสดงว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนต่อผู้ป่วยรายนั้นๆ

รวมทั้งยังเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายและเมื่อเป็นรถที่ถูกฎหมายรวมทั้งผู้ขับขี่ใช้รถก็ทำถูกต้องตามกฎหมายจึงเป็นภารกิจ สิ่งสำคัญยังเป็นภารกิจที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของผู้ป่วยด้วย ดังนั้นก็ถือว่าเป็นอุทาหรณ์และขอความร่วมมือให้ช่วยเปิดทาง เมื่อเห็นรถที่เปิดไฟในลักษณะนี้ด้วยต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook