เจ้าของบ้านสุดทนย้ายหนีโจร ขึ้นป้ายสาปแช่ง ขโมยทุกอย่างแม้แต่ผงซักฟอก
แม่ค้าขึ้นป้ายสาปแช่งโจรก่อนปิดบ้านย้ายหนีโจรหลังถูกขโมยไม่เว้นวัน พระเครื่อง เตาแก๊ส ถังแก๊ส ของทำมาหากินหายเกลี้ยงจนทนไม่ไหว วอนตำรวจจับดำเนินคดี
หน้าบ้านเลขที่ 65/2 หมู่ที่ 5 ต.ไผ่จำศีล อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง มีป้ายขนาดใหญ่ 2 ป้ายข้อความว่า ”ไอ้ขโมยสิ้นคิด ไม่มียางอาย ลักกระทั่ง ผงซักฟอก=เอาไปล้างสมอง มีดทำครัว=เอาไปตัดสิ่งเหี้ยออก เตาขนมครก=เอาสร้างอาชีพ หลอดไฟ=สมองกับใจจะได้สว่างขึ้น ถ้าไม่ทำมาหากินก็ไปขอทานดีกว่าคนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อน แจ้งความแล้ว 2 ก.ค.62"
อีกหนึ่งป้ายที่มีใจความว่า “ประกาศ บ้านนี้ของหายบ่อย ลูกใคร ญาติใครไม่มีปัญญาสร้าง จ้องจะเอาแต่ของคนอื่นเขาสั่งสอนกันหน่อย ถ้าสอนไม่ได้ก็กราบตีนซะ ลักกระทั่งเตาแก๊ส ไปขอทานดีกว่ามั้ยจะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่นเขา เดี๋ยวจะให้พรสักหน่อย ลักพระ...ขอให้ฉิบหาย ลักเตาแก๊ส....ขอให้ไฟเผาผลาญ ให้ร้อนอย่างไฟ อยู่ไม่เป็นสุข สาธุ”
ป้ายดังกล่าวทำให้ผู้ที่เดินทางสัญจรผ่านไปมาต่างสะดุดตากับภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก โดยผู้สื่อข่าวเข้าสอบถามญาติของ นางวันเพ็ญ หรือ พี่นา อายุ 53 ปี เจ้าของบ้านซึ่งพาผู้สื่อข่าวเข้าไปดูภายในบ้านที่ถูกรื้อค้นขโมยทรัพย์สินไป ไม่ว่าจะเป็นพระแก้วมรกตบูชา 2 องค์ พระเครื่อง 300 องค์ รวมถึงถังแก๊ส เตาแก๊ส บันไดอะลูมิเนียม ไม่เว้นแม้กระทั่งราวตากผ้าที่ซื้อมาเตรียมไว้จะประกอบเพื่อตากผ้าก็หายไป ทำให้พี่นาซึ่งมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายทอดมันหน้าร้านสะดวกซื้อถึงกับเครียดจนต้องย้ายไปอยู่ที่ จ.นครราชสีมา และปิดบ้านหลังดังกล่าวไว้แทน
โดยนางวันเพ็ญเปิดเผยทางโทรศัพท์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองเครียดที่โดนขโมยของไม่เว้นวันจนแทบหมดบ้าน สุดท้ายไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพราะแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วแต่ก็ไม่มีผล เคยไปร้องเรียนถึงศูนย์ดำรงธรรม ก็เงียบจึงทำป้ายสาปแช่งพวกหัวขโมยเหล่านี้ ก่อนที่จะย้ายบ้านมาพักบ้านแฟนที่โคราชชั่วคราวเพราะเครียดจนทนไม่ไหว
ขณะที่นางสาวอรุณ อายุ 55 ปี เพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามบ้านเกิดเหตุบอกว่าในระยะหนึ่งเดือนมันก็ขนเกือบหมดบ้าน เหลือแต่เครื่องซักผ้ากับโต๊ะ ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ หายเกลี้ยง ตนเองก็งงอยู่ว่าบ้านเราอยู่ตรงกันข้ามประตูรั้ ว2 บานก็ปิด ต้นไม้ก็บัง ไม่รู้ว่ามันมาเอาตอนไหน จนกระทั่งพี่นาเขามาถึงได้รู้ว่าของหายไป สุดท้ายเครียดจึงเดินทางไปอยู่บ้านแฟนที่โคราชและนำป้ายมาขึ้นไว้ด้วยความโมโห ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าหลักฐานมันไม่มี แต่บริเวณนี้ก็มีของหายกันบ่อยครั้ง จึงอยากให้ตำรวจช่วยติดตามกวดขันพวกหัวขโมยมาดำเนินคดีให้ด้วย