เปิดใจ เด็กหญิงวัย 13ปี จากคลิปถูกสาวใหญ่ยกพวกรุมตบริมถนนเมืองลำปาง
![เปิดใจ เด็กหญิงวัย 13ปี จากคลิปถูกสาวใหญ่ยกพวกรุมตบริมถนนเมืองลำปาง](http://s.isanook.com/ns/0/ud/1591/7955590/sanook_thumbnail_728x437(5).jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
เปิดคลิปสาวใหญ่ยกพวกรุมตบกันกลางถนนลำปาง เจอผู้เสียหายแล้วเป็นเด็กหญิง วัย 13 ขวบ เปิดใจบอกสาเหตุตบกันเรื่องแย่งผู้ชาย
จากกรณีที่โลกโซเชียลที่จังหวัดลำปาง มีการแชร์ภาพกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Titiwat Thiti ได้นำคลิปวิดีโอซึ่งมีความยาว 13 วินาที เป็นภาพเหตุการณ์มีหญิงสาวประมาณกว่า 10 คน รุมตบตีหญิงสาว 2 คน อยู่ริมถนน และบางคนใช้เท้ากระทืบ บางคนก็นั่งคร่อม
พร้อมมีการโพสต์ข้อความว่า "อายุ 40 แล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็ก ไม่พอใจเด็กก็ไปรวมกลุ่มไล่ตบตีเด็กอายุสิบกว่าปี เห็นแล้วมันทุเรศ ผู้ใหญ่แบบนี้ไม่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับวัยรุ่นเลยนะครับ เห็นไล่ตบเด็กมาหลายคนละ น่าจะเตือนกันดีๆ นะ ไปไล่หาดูเองแก๊งของมันพิกัดแจ้ห่ม – ลำปาง"
ความคืบหน้าล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (17 พ.ย.) เวลา 12.00 น. ได้ลงพื้นที่จุดที่เกิดเหตุที่ ถนนสายแจ้ห่ม-เมืองปาน บริเวณหน้าวัดพระธาตุดอยซาง หมู่ที่ 9 ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ซึ่งบริเวณดังกล่าวห่างจากย่านชุมชน ประมาณ 400 เมตร เป็นทางขึ้น-ลงเขา
จากการสอบถาม ชาวบ้านบริเวณดังกล่าว ไม่มีใครทราบว่ามีเด็กมารุมตีกัน แต่จากการดูภาพในคลิปก็ไม่ใช่นักเรียนหรือคนในหมู่บ้าน โดยชาวบ้านบางรายยอมรับว่าที่ผ่านมาบริเวณดังกล่าวเคยมีกลุ่มวัยรุ่นมานัดตบตีกันบ้าง
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ไปพบ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม1 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดลำปางซึ่งเป็นบุคคลในคลิปคนที่ถูกหญิงสาวอายุประมาณ 30 กว่าปี ขึ้นคร่อมแล้วก็กระชากผมและทำร้าย พร้อมเปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ปิดเทอมสาเหตุมาจากเรื่องผู้ชาย
โดยก่อนเกิดเหตุตนเองได้โพสต์ในเฟซบุ๊กต่อว่าเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ในทำนองว่าถ้าจะแย่งก็ขอกันดีๆ ก็ได้ จากนั้นเรื่องก็บานปลายจนวันเกิดเหตุก็มีการนัดเจอกันเพื่อเคลียร์ปัญหาโดยตอนแรกฝั่งนั้นจะนัดตบกันแต่ต่อมาบอกว่าจะคุยกันดีๆ จะไม่ทำร้ายจึงยอมไปพบที่หน้าวัดดังกล่าว
โดยตนเองไปกับเพื่อนรวม 2 คน เมื่อไปถึงฝ่ายนั้นซึ่งมีเกือบ 20 คน ก็กรูเข้ามารุมทำร้ายทันทีตามในคลิป โดยมีหญิงอายุประมาณสามสิบกว่าปี หรือคนที่ขึ้นคร่อมแล้วก็ทำร้ายตนเองเป็นหัวโจกโดยหญิงรายดังกล่าวอ้างว่าคนที่ตนเองไปมีเรื่องด้วยเป็นเด็กในสังกัด
ด.ญ.เอ ยังบอกอีกว่า หลังเกิดเหตุตนเองไม่ได้ไปแจ้งความหรือบอกพ่อกับแม่แต่อย่างใด เนื่องจากตนเองมาอาศัยอยู่ที่บ้านญาติซึ่งอยู่ใกล้โรงเรียน สุดท้ายญาติเลยให้ย้ายออกจากโรงเรียนเดิมและมาเรียนที่โรงเรียนอีกแห่งหนึ่งเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหากันอีก
ส่วนหญิงคนที่ยกพวกมารุมทำร้ายตนเองนั้นอยู่ในตัวอำเภอแจ้ห่ม ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งที่นัดกันมาพูดคุยเพื่อเคลียร์ปัญหาตามประสาเพื่อน แต่ไม่นึกว่าจะมีการรุมทำร้ายกันถึงขนาดนี้