เปิดใจพ่อ "ครูวา" นางฟ้าไบค์เกอร์ ไม่รู้ลูกชายก่อคดีลวงโลก เผยอดีตเคยแต่งงานแล้ว
จากกรณีมีผู้ออกมาแฉพฤติกรรม “ครูวา” ฉายานางฟ้าไบค์เกอร์ ว่าไม่ได้เป็นครูจริงๆ แค่เอาเครื่องแบบมาสวมแล้วโพสต์โชว์ทางสื่อออนไลน์ และแท้จริงแล้วไม่ใช่ผู้หญิง แต่เป็นสาวประเภทสอง และยังมีพฤติกรรมเป็นนักต้มตุ๋นหลอกหลวงเอาทรัพย์สินจากบรรดาชายหนุ่มหลายรายนั้น
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของครูวา ซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเขาการ้อง ทางไปจังหวัดระนอง ห่างจากถนนสายเพชรเกษม เข้าไปกว่า 5 กม. ซึ่งเป็นถนนลูกรัง โดยบ้านอยู่ชายเขา ล้อมรอบด้วยสวนยางพารา ม.1 ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร ผู้สื่อข่าวได้พบกับ นายน้อย (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นพ่อของครูวา กำลังอุ้มไก่แจ้อยู่ โดยมีเพื่อนบ้านซึ่งเลี้ยงไก่แจ้ เพื่อแข่งขันเสียง มานั่งคุยอยู่ด้วย 2 คน โดยบ้านเป็นบ้านปูนชั้นเดียว เรือนบ้านและรอบบ้านสะอาดสะอ้าน
ผู้สื่อข่าวได้รอโอกาสให้เพื่อนบ้านกลับก่อนจะสอบถามในกรณีที่ ครูวา ซึ่งเป็นลูกชาย เพื่อจะสอบถามถึงที่ไปก่อเรื่องขึ้นจนเป็นข่าว โดยนายน้อย ได้กล่าวว่า ตนเองเพิ่งจะรับทราบจากผู้สื่อข่าวว่าลูกชายไปก่อเรื่องขึ้น ซึ่งตนเองยอมรับว่าไม่ได้ติดตามข่าวสารอะไร โดยเฉพาะสื่อโซเชียล เนื่องจากบ้านที่อยู่เป็นป่าเขา ไม่มีสัญญาณ จึงเหมือนคนตาบอดไม่รู้โลกภายนอก
นายน้อย ยังกล่าวว่า ครูวา หรือ โจ๊ก เป็นลูกชายคนโตของตนเอง และมีน้องสาวต่อจาก โจ๊ก อีกหนึ่งคนเป็นผู้หญิง โดยลูกชายนั้น ได้ออกจากบ้านไปนานกว่า 10 ปี แล้ว และไม่ค่อยได้ติดต่อกันเลย มีเพียงบ้างครั้งที่ ลูกชาย จะโทรมาหา ถามไถ่และบอกล่าสุดคือไปเป็นครูอยู่แถวดอนเมืองเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นไม่รู้เลย
นายน้อย กล่าวต่ออีกว่า ก่อนหน้านี้ โจ๊กเป็นเด็ก ก็เป็นผู้ชายเหมือนชายอื่นๆทั่วไป แต่พอเริ่มโตขึ้นมาก็เริ่มมีพฤติกรรมแต่งตัวเป็นหญิง ซึ่งตนเองยอมรับว่าไม่ชอบและต่อว่าหลายครั้ง แต่ก็ไม่ฟัง ทำให้ตนเองโกรธมาก ไล่ให้ออกจากบ้านไป และโจ๊ก ก็ออกจากบ้านไปจริง และไปอยู่กับยาย ซึ่งบ้านอยู่ห่างกันไปหลายกิโลเมตร
นายน้อย ยังกล่าวต่อว่า หลังจากโจ๊ก ไปอยู่กับยาย ตนเองและทางบ้านทุกคน ไม่เคยได้สนใจ โจ๊กเองก็ไม่เคยแวะเวียนมาหาเลย จนกระทั่งเมื่อหลายปีที่แล้ว ลูกชายได้มาหา แต่มาครั้งนี้ มาในรูปร่างของผู้หญิงเต็มตัว และบอกกับตนเองและทางบ้านว่า แปลงเพศมาแล้วและจะแต่งงานกับชายหนุ่ม ซึ่งเป็นชาวจังหวัดอยุธยา ตนเองก็มึนงงจึงตอบปากรับคำว่าดีแล้ว ก่อนที่ทั้งสองจะจัดแต่งงานกันมีแขกเหรื่อมาร่วมงานพอประมาณ
แต่หลังจากแต่งงานได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็เลิกรากันไป โจ๊ก ก็กลับมาอยู่บ้าน และไม่ทำอะไรเลย ตนเองซึ่งเป็นคนสวน จึงอยากให้ลูกได้ทานบ้านบ้าง แต่โจ๊ก ไม่สนใจจะทำ ชอบเที่ยว ตนจึงได้ต่อว่าไปและพูดคำขาด ว่าหากจะเที่ยวก็ออกไป แล้วไม่ต้องกลับมา ก็เป็นอีกครั้งที่ โจ๊ก เดินออกจากบ้านไป และหายไป และมีแค่เพียงบ้างครั้งที่โทรมาถามนั้น จนวันนี้ก็มารู้ว่าลูกชาย ไปก่อเรื่อง สร้างความเสียหายให้กับคนอื่น
นายน้อย กล่าวต่อว่า หากเป็นเรื่องเป็นราว ก็อยากให้ลูกชาย มาเคลียร์ปัญหา ผิดถูกก็ว่ากันไป ส่วนผู้เสียหายหากจะเอาผิดกับลูก ก็ต้องปล่อยเขาไปเพราะเขาคือผู้เสียหาย ใครทำอะไรก็ต้องชดใช้สิ่งที่ทำลงไป ส่วนตนไม่มีเงินพอที่จะไปเยียวยาใครได้เพราะเป็นชาวสวน