ศาลฎีกาพิพากษายืนโทษประหาร "อาเธอร์" หนุ่มสเปนฆ่าหั่นศพเพื่อน
ศาลฎีกาพิพากษายังคงยืนโทษประหารชีวิต "อาเธอร์" หนุ่มชาวสเปน ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์และหั่นศพเพื่อน โยนทิ้งแม่น้ำ เมื่อปี 2559
(20 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณา 805 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหั่นศพเศรษฐีชาวสเปน ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายอาเธอร์ เซการา พรินเซพ หรือ อาร์ตู อายุ 40 ปี สัญชาติสเปน เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ เพื่อปิดบังการตาย, หน่วยเหนี่ยวกักขังฯ , ลักทรัพย์ และข้อหาอื่น
จากกรณีเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2559 จำเลยได้ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ นายเดวิด เบอเนต โมราด ชาวสเปน ภายในคอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 ก่อนจะนำชิ้นส่วน ไปทิ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมกับลักเอาทรัพย์สินของผู้ตายไปกว่า 7 แสนบาท คดีนี้ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ พิพากษาให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว
โดยวันนี้ศาลเบิกตัว นายอาเธอร์ จำเลย มาจากเรือนจำบางขวาง เพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ ซึ่งปัจจุบันนายอาเธอร์ ถูกคุมขังมานานกว่า3 ปี นับตั้งแต่ถูกจับกุมและฝากขังครั้งแรก เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2559
ขณะที่ วันนี้ศาลจัดล่ามสาวภาษาสเปนเพื่อแปลกระบวนพิจารณาและคำพิพากษาให้จำเลยฟังด้วย โดยสื่อมวลชนจากประเทศสเปน ติดตามมาทำข่าวอย่างใกล้ชิด
ศาลฎีกาพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า แม้โจทก์ ไม่มีประจักษ์พยาน แต่โจทก์มีพยานแวดล้อมเชื่อมโยงกันฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ประหารชีวิตสถานเดียว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษา โดยมีล่ามแปลภาษาสเปนให้ฟัง นายอาเธอร์ จำเลย ถึงกับตัวแดงขึ้นมาทันที และพูดคุยกับล่าม กระทั่งผู้พิพากษาได้ชี้แจงผ่านล่ามว่า กระบวนการตามกฎหมายไทยหากคดีถึงที่สุดแล้วจำเลยสามารถยื่นขออภัยโทษได้
ขณะที่ทนายความของนายอาเธอร์ กล่าวว่า จำเลยทำใจได้ตั้งแต่ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตแล้วว่า ข้อต่อสู้คดีนี้ค่อนข้างยาก เพราะโจทก์เองก็มีพยานหลักฐาน และหลังจากนี้ระหว่างที่รับโทษในเรือนจำก็อยากให้ตนดำเนินการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษตามระเบียบของเรือนจำ
อย่างไรก็ตามเมื่อคดีเสร็จเด็ดขาดแล้ว จำเลยก็มีสิทธิจะยื่นเรื่องขอแลกเปลี่ยนนักโทษ เพื่อจะกลับไปรับโทษที่ประเทศสเปนบ้านเกิดต่อไป