อนาคตใหม่คือการเดินทาง และการเดินทางยังไม่สิ้นสุด ถ้อยแถลง “ธนาธร” หลังศาลพิพากษา
วันนี้(20 พ.ย.62) ภายหลังจากที่คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยคดีถือหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยมีมติคำวินิจฉัยให้ นายธนาธร พ้นจากสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) นับตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา
นายธนาธรเดินออกมาจากศาลด้วยรอยยิ้ม หลังเสร็จสิ้นการอ่านคำวินิจฉัย ท่ามกลางวงล้อมของมวลชนมหาศาล ที่ตะโกนคำว่า “ธนาธร สู้ๆ” ดังกึกก้อง ก่อนจะให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลังฟังคำตัดสินของศาล
นายธนาธรเปิดเผยว่า ตนมีความเห็นหลายประการต่อคำวินิจฉัยของศาลในวันนี้ อาทิ ในประเด็นที่บอกว่า บริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ยังไม่ได้ยกเลิกการจดแจ้ง ตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ จะกลับมาทำกิจการเมื่อใดก็ได้นั้น ตนมองว่า หากเป็นไปตามนั้น ศาลค่อยมาตัดสินในวันที่บริษัท วีลัค กลับมาทำกิจการสื่อจริงๆ ก็ย่อมได้
ในประเด็นที่มีการโอนหุ้นให้มารดา ในวันที่ 8 ม.ค. นั้น ศาลพิเคราะห์ตามหลักฐาน ไม่สามารถยืนยันได้ว่า นายธนาธรโอนหุ้นเรียบร้อยในวันดังกล่าวหรือไม่ ทั้งประเด็น ที่นางรวิพรรณ (ภรรยา) ไปขึ้นเช็คล่าช้าผิดปกติ เพราะติดเลี้ยงลูก เหตุใดจึงไม่ให้ผู้อื่นไปขึ้นเช็คแทน
นายธนาธรชี้แจงว่า เรื่องของการจะให้ใครไปขึ้นเช็คนั้น เป็นเรื่องภายในครอบครัว และการโอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค. นั้นก็เสร็จเรียบร้อยในตัวมันเองอยู่แล้ว แม้แต่เอกสารเช็คตัวจริง ก็ได้นำไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ กกต. พร้อมได้แนบสำเนาไปในเอกสารหลักฐานด้วย
ส่วนในประเด็นการตัดสินใจการลงทุนนั้น ตนมองว่าองค์คณะของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีท่านใดเป็นนักธุรกิจมาก่อน จะใช้มาตรฐานของศาล มาวินิจฉัยว่าโครงการใดน่าลงทุน โครงการใดไม่น่าลงทุน ไม่ได้ แม้แต่นักธุรกิจ นักลงทุนเอง แต่ละคนก็มีรสนิยม การประเมินความเสี่ยงแตกต่างกัน การใช้มาตรฐานของศาลมาตัดสินว่า โครงการใดไม่น่าลงทุนเป็นเรื่องผิดฝาผิดตัว
นายธนาธรยังระบุอีกว่า ข้อสันนิษฐานของศาลรัฐธรรมนูญ ที่นำมาวินิจฉัยในวันนี้ เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน มากกว่าข้อเท็จจริง ศาลกลับให้น้ำหนักในข้อสันนิษฐานมากกว่าข้อเท็จจริง ที่ปรากฏอยู่ในเอกสารหลักฐาน รวมทั้งการอ่านคำวินิจฉัยในวันนี้ ไม่มีการบอกมติขององค์คณะศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด แตกต่างจากการวินิจฉัยในคดีต่างๆที่ผ่านมา
ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ นายธนาธรกล่าวถึงทิศทางทางการเมืองของตนเอง และพรรคอนาคตใหม่หลังจากนี้ โดยระบุว่า
“พรรคอนาคตใหม่คือการเดินทาง การเดินทางไม่ได้สิ้นสุดลง ผมยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พรรคอนาคตใหม่คือผู้คน ที่สนับสนุน ที่มีความฝัน มีความตั้งใจเหมือนกัน และจะก้าวเดินต่อไปร่วมกัน ผมยังทำงานต่อไปในฐานะหัวหน้าพรรค และยังมีงานต้องทำอีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลักดันกฎหมายต่างๆ อาทิ กฎหมายการเกณฑ์ทหารที่เพิ่งผลักดันเข้าสู่สภา ส่วนเรื่องของการได้รับความเป็นธรรมในการวินิจฉัยหรือไม่ ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน”
นายธนาธรยังบอกอีกว่า ตนมั่นใจว่าจะกลับมาเป็น ส.ส.ได้อีกครั้ง เพราะการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคม ไม่ได้เป็นเพียงสมรภูมิเดียวของพรรคอนาคตใหม่ ยังมีเส้นทางอีกยาวไกลที่รออยู่ข้างหน้า พร้อมบอกกับมวลชนที่มาให้กำลังใจว่า
“ทุกท่านเข้มแข็งนะครับ เดินไปด้วยกันนะครับ”