ผิดที่ไว้ใจ! เสี่ยเสียรู้หนุ่มแบงก์ดัง กลายเป็นมิจฉาชีพลวงเงินหายวับ 7 ล้าน

ผิดที่ไว้ใจ! เสี่ยเสียรู้หนุ่มแบงก์ดัง กลายเป็นมิจฉาชีพลวงเงินหายวับ 7 ล้าน

ผิดที่ไว้ใจ! เสี่ยเสียรู้หนุ่มแบงก์ดัง กลายเป็นมิจฉาชีพลวงเงินหายวับ 7 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เสี่ยแปดริ้วร้องสื่อ เสียท่าให้หนุ่มแบงค์แบบไม่ต้องจัดฉาก อาศัยภาพลักษณ์องค์กรสร้างความน่าเชื่อถือ หลงกลยอมปล่อยกู้ให้มิจฉาชีพนานข้ามปี สูญเงินเกือบ 7 ล้านบาท เข้าแจ้งความคดียังไม่คืบ

(21 พ.ย.) นายศักดิ์ชาย อายุ 60 ปี นักธุรกิจค้าที่ดินและเจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่งย่าน อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ได้เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2561 ตนได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่งในตัวเมืองฉะเชิงเทรา ระบุว่า ได้มีลูกค้าสินเชื่อของทางธนาคารขาดสภาพคล่อง และต้องการใช้เงินเข้ามาหมุนเวียนระหว่างที่รอการอนุมัติสินเชื่อจากทางธนาคารจำนวน 29 ล้านบาท

โดยทางธนาคารจะขอกู้ยืมเงินจากตนเพื่อนำไปใช้จ่ายหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องภายในบริษัทก่อน ด้วยความไว้ใจต่อทางผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อรายดังกล่าวที่รู้จักคุ้นเคยกัน เนื่องจากตนนั้นเป็นลูกค้าของทางธนาคารแห่งนี้มานานถึงกว่า 30-40 ปีแล้ว และได้เข้าไปทำธุรกรรมทางการเงินกับทางธนาคารแห่งนี้บ่อยครั้ง จึงได้ยินยอม

โดยบุคคลที่กู้ยืมไปนั้น เป็นเจ้าของบริษัทนายหน้าจัดหาคนงานให้แก่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังรายใหญ่แห่งหนึ่ง ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศกู้ยืมเงินไป รวมทั้งสิ้นเกือบ 7 ล้านบาท โดยที่ทางผู้จัดการฝ่ายสินเชื่อรายดังกล่าว ได้เป็นผู้รับรองและยืนยันความน่าเชื่อถือให้ โดยบอกว่าหากสินเชื่อของลูกค้าสาวรายนี้ได้รับการอนุมัติแล้ว ตนนั้นมีอำนาจที่จะหักเงินที่ได้รับการอนุมัติให้กู้ยืมจากทางธนาคาร เพื่อนำมาจ่ายคืนให้แก่ตนได้ในทันที

อีกทั้งยังมีวงเงินจากทางห้างสรรพสินค้าของลูกค้ารายนี้รอจ่ายให้อีกกว่า 20 ล้านบาท และมีการทำสัญญากู้ยืมเงินกันภายในธนาคารแห่งดังกล่าวในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี

ต่อมาเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 4 เดือนตามที่ได้ตกลงกันไว้ ทางเจ้าของบริษัทจัดหางาน วัย 46 ปี กลับไม่นำเงินมาคืนตามสัญญา เมื่อตนทวงถามไปยังทางฝ่ายของผู้จัดการสินเชื่อธนาคารกลับปิดโทรศัพท์หนี และเมื่อตนเดินทางเข้าไปพบยังที่สำนักงานสาขาฉะเชิงเทรา กับถูกบ่ายเบี่ยง แต่ยังคงยืนยันว่าตนเองจะได้รับเงินคืนอย่างแน่นอน จนถึงวันนี้ผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว ตนก็ยังไม่ได้รับเงินคืนเลยแม้แต่บาทเดียว

ทั้งนี้ ตนจึงอยากเตือนภัยให้แก่คนในสังคมได้รับรู้ว่า ในยุคปัจจุบันนี้ไม่สามารถที่จะไว้ใจใครได้เลย แม้แต่คนในสถาบันการเงินขนาดใหญ่ หรือบุคคลที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูงในองค์กรของธนาคารชื่อดังระดับประเทศ ซึ่งมีความน่าเชื่อถือสูงมากจากประชาชนทางด้านการเงิน ที่เข้าไปฝากเงินเก็บไว้หรือใช้บริการทางด้านการเงินก็ยังไว้ใจไม่ได้

ขณะเดียวกันหลังจากระยะเวลาผ่านเลยกำหนด ในการชำระเงินคืนมานานกว่า 6 เดือนแล้ว ตนจึงได้เดินทางเข้าไปแจ้งความร้องทุกไว้ต่อทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา แล้ว ตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา แต่คดียังไม่มีความคืบหน้ามากนัก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook