ซอฟต์แบงก์ เข้าฮุบ WeWork แถมปลดพนักงาน 2,400 คนเคว้ง หลังซีอีโอเก่าโกยเงินเสวยสุข
WeWork (วีเวิร์ค) บริษัทให้เช่าพื้นที่ทำงานและทำสำนักงานชื่อดัง แถลงเมื่อวานนี้ (21 พ.ย.) ว่ากำลังปลดพนักงาน 2,400 คนทั่วโลก หรือเกือบ 20% ของพนักงานทั้งหมด เพื่อลดต้นทุน หลังจากประสบปัญหาด้านความเชื่อมั่น จนทำให้มูลค่าตลาดลดลงหลายเท่าตัวในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
หลังจากการประกาศดังกล่าว พนักงาน WeWork หลายคนในนครนิวยอร์กของสหรัฐ เดินเข้าไปปลอบใจกัน และหลายคนโบกมือบอกลากันด้วย
นอกจากนี้ WeWork ก็กำลังรับเงินช่วยเหลือจาก Softbank (ซอฟต์แบงก์) บริษัทด้านเทคโนโลยีรายใหญ่จากญี่ปุ่นเป็นมูลค่า 9,500 ล้านดอลลาร์ (286,710 ล้านบาท) อีกด้วย ซึ่งจะทำให้บริษัทญี่ปุ่นรายนี้ถือหุ้นของ WeWork คิดเป็น 80% เพื่อเป็นหลักประกันว่าวีเวิร์คจะปรับปรุงธุรกิจของตัวเองตามที่ซอฟต์แบงก์กำหนดแนวทางการทำธุรกิจเสียใหม่
เหตุนี้เป็นเพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา นายอดัม นิวแมนน์ ที่เคยเป็นประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และผู้ร่วมก่อตั้งของ WeWork กระจายธุรกิจของบริษัทไปหลายอย่างมาก ตั้งแต่โรงเรียนอนุบาลจนถึงธุรกิจที่พักอาศัย ทั้งยังขยายธุรกิจไปเร็วเกินไปโดยที่ไม่เห็นผลกำไร ขณะเดียวกัน นายนิวแมนน์ ยังนำเงินเหล่านี้ไปซื้อสินทรัพย์ส่วนตัว อย่างเช่น บ้าน 5 หลัง รวมมูลค่าประมาณ 80 ล้านดอลลาร์ (2,415 ล้านบาท)
นายนิวแมนน์ เคยเสนอแผนการนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนเข้าบริษัทให้ได้มากขึ้น แต่เมื่อส่งงบการเงินให้กับหน่วยงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กลับพบว่า WeWork ไม่เคยมีกำไรเลย แถมสถานการณ์ทางการเงินน่าเป็นห่วง เมื่อเรื่องนี้เผยแพร่ออกมา จนถึงหูนักลงทุน ความวิตกจึงแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้มูลค่าของบริษัทลดลงฮวบฮาบ จนต้องระงับแผนการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนครั้งแรก (ไอพีโอ) ในที่สุด
เหตุนี้ทำให้ซอฟต์แบงก์สูญเงินสด 8,900 ล้านดอลลาร์ (268,664 ล้านบาท) ที่เคยลงทุนให้กับ WeWork ไปด้วย ซึ่งนายมะสะโยชิ ซน ซีอีโอของซอฟต์แบงก์ กล่าวว่า การสูญเสียเงินลงทุนครั้งนี้เป็นเพราะการประเมินที่ผิดพลาดและการมองข้ามปัญหาของ WeWork