"อัจฉริยะ" นำหลักฐานให้ตำรวจ แฉมี 3 ตัวการเอี่ยวคดีไนซ์ รีวิว

"อัจฉริยะ" นำหลักฐานคดีไนซ์ รีวิว มอบให้ตำรวจ สน.โคกคราม หลังพบเบาะแสมี 3 ตัวการใหญ่อยู่เบื้องต้นขบวนการนี้

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำเอกสารหลักฐานข้อมูล ผู้เกี่ยวข้องในคดีแชร์ลูกโซ่ไนซ์รีวิว (Nice Review) เข้ามอบให้ พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.โคกคราม เพื่อให้เร่งติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ หลังพบเบาะแสว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชน

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า คดีนี้พบว่านายณรงค์ อินลี CEO Nice Review ผู้ต้องหาซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้เป็นเพียงนอมินี ที่มีตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลัง 3 คน คือ นายสุมิต ทำหน้าที่บงการ, เจ๊นิ เป็นผู้ควบคุมศูนย์ดำเนินการครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และ เจ๊อ้อย เป็นผู้วางแผนและบริหารจัดการระบบ ซึ่งทั้ง 3 คน ไม่เคยถูกจับกุมดำเนินคดี และขณะนี้ทราบว่า ได้เปิดบริษัทใหม่ หลอกประชาชนให้หลงเชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้เสียหายรายเดิม เนื่องจากกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มแรกเริ่มที่ได้ผลตอบแทนจริง ส่วนกลุ่มผู้เสียหายที่เข้ามาลงทุนในภายหลัง พบว่าไม่ได้รับผลตอบแทนจึงต้องการแจ้งความดำเนินคดี

ขณะที่ พ.ต.อ.อลงกรณ์ เปิดเผยว่า หลักฐานที่ได้รับในวันนี้ ตรงกับเอกสารที่พนักงานสอบสวนมีอยู่แล้ว 80% ซึ่งขณะนี้ ทางตำรวจได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดแล้ว 473 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท จำนวนนี้เฉพาะที่เข้าแจ้งความกับสน.โคกครามเท่านั้น ส่วนความคืบหน้าทางคดี พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำพนักงานบริษัทเอนเนอร์จีดีดักชั่นไปแล้วบางส่วน จากจำนวนทั้งหมดประมาณ 16-22 คน ซึ่งตำรวจจะต้องสอบสวนว่ามีพนักงานคนใดที่รู้เห็นเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจฉ้อโกงประชาชน เช่น โปรแกรมเมอร์, นายหน้า, ผู้บรรยายยูทูบ โดยเฉพาะผู้ช่วยเหลือผู้ต้องหาในการผันเงินจากเงินบาทเป็นเงินสกุลดิจิตอล (NRV)

เบื้องต้น ตำรวจได้มีการอายัดทรัพย์สินของนายณรงค์และบริษัทแล้วกว่า 100 ล้านบาท โดยจะมีการสอบสวนเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าจะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมกับบุคคลอื่น ๆ อย่างแน่นอน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะเป็นข้อมูลในสำนวนคดี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) ได้เตรียมที่จะประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับตำรวจทั่วประเทศ เพื่อเน้นย้ำให้พนักงานสอบสวนรับแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าวในทุกสถานีตำรวจ